Home - SEO - Search Volume คือกุญแจสำคัญ! ดูวิธีเช็กและวิธีใช้คีย์เวิร์ด ช่วยให้เว็บโตไวแบบติดจรวด

Search Volume คือกุญแจสำคัญ! ดูวิธีเช็กและวิธีใช้คีย์เวิร์ด ช่วยให้เว็บโตไวแบบติดจรวด

Search Volume

นอกจากการออกแบบเว็บไซต์ของธุรกิจให้สวยงามแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาเจอกับเว็บไซต์ของคุณ ไปจนถึงตัดสินใจซื้อได้คือ การทำการตลาดแบบ Organic Search หรือที่เรียกกันว่าการทำ SEO คือ การวางกลยุทธ์เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าค้นหาของ Google อย่างยั่งยืน ซึ่งการทำ SEO มีปัจจัยหลายอย่าง และหนึ่งในปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การเข้าใจเรื่อง Search Volume ที่เป็นการเช็คคีย์เวิร์ดเบื้องต้นก่อนเริ่มทำ SEO ว่าเราควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดไหนในการทำอันดับให้ได้ผลจริง

แล้วเราจะเช็คคีย์เวิร์ดได้อย่างไร? ต้องเลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่ากับการทำ SEO? และมีเครื่องมืออะไรที่ช่วยวิเคราะห์ Search Volume ได้แม่นยำ? มาดู How-to และเทคนิคที่ช่วยให้คุณวางแผนคีย์เวิร์ดได้อย่างมืออาชีพไปพร้อมกันเลย!

Search Volume คืออะไร ? 

Search Volume คือ ตัวชี้วัดที่บอกเราว่ามีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่กำลังค้นหาคีย์เวิร์ดใดคีย์เวิร์ดหนึ่งบน Google ในแต่ละเดือน เปรียบเสมือนเครื่องวัดกระแสของ Intent จากกลุ่มเป้าหมาย ที่ช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มพฤติกรรมการค้นหา และเข้าใจว่าผู้คนให้ความสนใจกับหัวข้อหรือปัญหาแบบไหนในช่วงเวลานั้นๆ

การหา Search Volume จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการวางแผนคีย์เวิร์ด หรือที่เรียกว่า Keyword Planner คือ การวางกลยุทธ์เพื่อเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับธุรกิจและเป้าหมายการทำ SEO โดยเฉพาะ ซึ่งคีย์เวิร์ดที่วางแผนมาดี และมี Search Volume ที่เหมาะสม ไม่เพียงเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับได้เร็วกว่าคู่แข่ง แต่ยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ จากการที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาคำที่เกี่ยวข้องแล้วพบเว็บไซต์ของคุณบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

Search Volume มีความสำคัญอย่างไรต่อการทำ SEO ? 

Search Volume เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางการทำ SEO ได้อย่างแม่นยำ เพราะการเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโอกาสในการเพิ่ม Organic Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ ยิ่งคีย์เวิร์ดที่เลือกมี Search Volume สูงและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ โอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะถูกค้นเจอและดึงดูดผู้เยี่ยมชมใหม่ๆ ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ การเช็ค Keyword อย่างละเอียดก่อนเริ่มทำ SEO ยังช่วยให้คุณประเมินได้ว่า Keyword ไหนคุ้มค่าที่จะลงทุนเวลาและทรัพยากรในการทำอันดับบนหน้า SERPS บ้าง หรือควรมองหา Keyword ที่มีการแข่งขันต่ำกว่าแต่มีโอกาสในการติดอันดับได้เร็วกว่าในการทำอันดับ 

ดังนั้น การใช้ข้อมูล Search Volume ที่แม่นยำจึงไม่ใช่แค่การเลือกคีย์เวิร์ดสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นการวางกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้เว็บไซต์เติบโตในระยะยาว และเข้ามาช่วยสร้าง Conversion ได้จริงจากการทำ SEO ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามเลย

search volume คือ

Search Volume สูงหรือต่ำ แบบไหนดีกว่ากัน ? 

หลายคนที่เริ่มต้นทำ SEO มักมีคำถามว่า การเลือกคีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูงหรือ Search Volume ต่ำ แบบไหนถึงจะดีกว่ากัน? ความจริงแล้ว ในเรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมต้องขึ้นอยู่กับเป้าหมายและกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจเป็นหลัก

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในวงกว้าง หรือเน้นการทำคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้เข้ามายังเว็บไซต์จำนวนมาก การเลือกคีย์เวิร์ดที่เป็นคีย์เวิร์ด ค้นหามากที่สุด หรือมี Search Volume สูงจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะยิ่งมีคนค้นหามาก โอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะมีผู้เข้าชมก็สูงตามไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่า คำค้นหาที่มีปริมาณสูงก็มักจะมีการแข่งขันที่สูงตามด้วย เช่น ต้องแข่งขันกับเว็บไซต์ใหญ่ๆ หรือแพลตฟอร์มที่มี Authority สูง ทำให้เว็บไซต์ใหม่หรือเว็บไซต์ที่ยังไม่แข็งแรงอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากกว่าจะขึ้นไปติดอันดับได้

ในทางกลับกัน หากเป้าหมายของคุณเน้นไปที่การขายสินค้า หรือการหาลูกค้าที่มีคุณภาพ การเลือกคีย์เวิร์ดที่มี Search Volume ต่ำลงมาหน่อย แต่มีความเจาะจงสูง เช่น Longtail Keyword จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “รองเท้าวิ่งเทรลผู้หญิง ราคาไม่เกิน 2,000” จะสื่อถึงความตั้งใจซื้อที่ชัดเจนกว่าคำทั่วไปอย่าง “รองเท้า” แม้ว่าจะมีคนค้นหาน้อยกว่า แต่โอกาสปิดการขายจะสูงกว่า เพราะประเภทของ Keyword แบบนี้จะมี Intention ในการค้นหาเพื่อซื้อสูงนั่นเอง

ดังนั้น สรุปได้ว่า Search Volume สูงหรือต่ำไม่ใช่ตัวชี้ขาดว่าคีย์เวิร์ดไหน “ดีกว่า” แต่ต้องพิจารณาตามเป้าหมายของคุณ หากเพิ่งเริ่มทำ SEO หรือมีทรัพยากรจำกัด การเริ่มจาก Longtail Keyword ที่มีการแข่งขันต่ำกว่าจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่า และสามารถค่อย ๆ ขยายไปสู่คีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูงขึ้นในอนาคต

และนอกจากปัจจัยด้านปริมาณการค้นหาแล้ว การวางแผนเลือกคีย์เวิร์ดยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น ความเกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือความตั้งใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ดีที่สุด

Search Volume ดูได้จากที่ไหน ? แนะนำเครื่องมือเช็กปริมาณ Search Volume 

ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละ Keyword มีคนค้นหามากน้อยแค่ไหน เราสามารถใช้เครื่องมือ SEO Tool ต่าง ๆ เข้ามาช่วยเช็กปริมาณ Search Volume ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงใช้วางแผนคีย์เวิร์ดในภาพรวมเพื่อทำ SEO ได้ด้วย และถ้าคุณกำลังมองหาวิธีหาคีย์เวิร์ด Google ที่มีศักยภาพสูงสำหรับทำ SEO หรือโฆษณาออนไลน์ เราขอแนะนำ 5 เครื่องมือเช็ก Search Volume ที่น่าใช้งาน ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน พร้อมสรุปข้อดี-ข้อสังเกตของแต่ละตัวให้คุณเลือกได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนี้

Ahrefs

Ahrefs นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ระดับโลกที่โดดเด่นในเรื่องการวิเคราะห์ Search Volume ที่แค่พิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการนำมาใช้ในการทำอันดับ คุณก็สามารถเห็นข้อมูล Search Volume แบบละเอียด รวมถึงข้อมูลการแข่งขัน (Keyword Difficulty) ไปจนถึงแนวโน้มการค้นหาได้ทันที 

Ahrefs Keyword Explorer

สำหรับจุดเด่นของ Ahrefs คือมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาก ครอบคลุมทั้งประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ เหมาะสำหรับคนที่จริงจังกับการทำ SEO ระยะยาว และยังมีโมดูลอื่นๆ ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้นอีก เช่น การนำโดเมนของเว็บไซต์มาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อดูว่าเว็บแต่ละเว็บทั้งของตัวเองและคู่แข่งนั้นทำ SEO ดีอย่างไร หรือจุดไหนควรปรับปรุงบ้างเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เป็นต้น

พิเศษ! เรียนรู้ Ahrefs แบบมืออาชีพกับ NerdOptimize

หากคุณอยากใช้ Ahrefs ได้เก่งแบบมือโปร ไม่ใช่แค่เช็กคีย์เวิร์ดเป็นอย่างเดียว แต่ทำ SEO ด้วยเครื่องมือ Ahrefs ได้จริง แนะนำสมัครเรียน คอร์สเรียน Ahrefs กับ NerdOptimize ได้เลย! 👉 ดูรายละเอียดคอร์สที่นี่

โดยคอร์สนี้จะสอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเทคนิคการใช้ Ahrefs วิเคราะห์คีย์เวิร์ด การวางแผน SEO และการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง รวมถึงมี Work Flow ที่สามารถนำไปใช้กับโปรเจกต์ของคุณได้เลยทันที

Keywordtool.io

วิธีหา keyword

Keywordtool.io เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เน้นความง่ายและรวดเร็วในการใช้งาน โดยใช้ฟีเจอร์ Google Autocomplete เพื่อดึงไอเดีย Long-tail Keyword ได้มากถึง 750 รายการต่อการค้นหาในแต่ละครั้ง พร้อมแสดงข้อมูล Search Volume, ค่า CPC ไปจนถึงความยาก-ง่ายในการแข่งขันได้ครบในหน้าจอเดียว และยังรองรับการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่งได้อีกด้วย Keywordtool.io จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหา Search Volume และไอเดียคีย์เวิร์ดใหม่ๆ แบบรวดเร็ว

Ubersuggest

เช็คคีย์เวิร์ด

Ubersuggest เป็น SEO Tool ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเช็ก Search Volume, ความยากของคีย์เวิร์ด (SEO Difficulty) และหาไอเดียคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมในไม่กี่คลิก นอกจากการค้นหาไอเดียคีย์เวิร์ดแล้ว ยังสามารถดู Traffic ที่เว็บไซต์คู่แข่งได้รับ พร้อมแนะนำคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ด้วย Ubersuggest จะมีจุดเด่นตรงที่ UI เป็นมิตร เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และรองรับการวิเคราะห์หลายภาษาทั่วโลก

Google Keyword Planner   

google keyword planner คือ

Google Keyword Planner คือ เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดฟรีจาก Google ที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยเฉพาะในหมู่นักการตลาดออนไลน์ที่ทำการยิง Google Ads อยู่แล้ว โดยเครื่องมือนี้ช่วยให้คุณสามารถดูปริมาณ Search Volume, ระดับการแข่งขัน และค่าโฆษณา (CPC) ของแต่ละคีย์เวิร์ดได้อย่างละเอียด การใช้งานไม่ซับซ้อน เพียงกรอกคำค้นหาที่สนใจ ระบบจะแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้อีกด้วย เหมาะสำหรับทั้งการทำ SEO และการวางแผนโฆษณา Google Ads 

Google Trend

หาคีย์เวิร์ด google

Google Trend เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณดูแนวโน้มความนิยมของ Keywword ได้แบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือสามารถเปรียบเทียบความสนใจระหว่างคีย์เวิร์ดต่างๆ และดูแนวโน้มการค้นหาในแต่ละพื้นที่หรือช่วงเวลาได้ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดง Search Volume แบบเป็นตัวเลขตรงๆ เหมือนกับเครื่องมืออื่น แต่ก็พอจะใช้เพื่อดูกระแสของการค้นหา Keyword นั้นๆ ในภาพรวมได้ ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเกาะกระแสและวางกลยุทธ์ SEO เชิงรุก และต้องการเริ่มต้นใช้งานเป็น Tool ฟรีก่อนในเบื้องต้น

สรุปความสำคัญของ Search Volume และการเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสม

จากเนื้อหาทั้งหมดที่เราได้เรียนรู้กันมา จะเห็นได้ว่า Search Volume คือหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่มีผลต่อการวางแผน SEO ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปริมาณการค้นหาเป็นเกณฑ์ในการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม การสร้างคอนเทนต์ หรือการทำแคมเปญโฆษณา Search Volume ช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ว่าควรโฟกัสที่คีย์เวิร์ดไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้คีย์เวิร์ดไม่สามารถดูแค่ปริมาณการค้นหาอย่างเดียว เพราะทั้งคีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูงและต่ำ ต่างมีข้อดีเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เช่น การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือการเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะตัดสินใจซื้อจริง

หากคุณต้องการทำ SEO อย่างจริงจัง แต่ยังไม่มีเวลา หรือยังไม่สามารถใช้ SEO Tools ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่ รับทำ SEO ที่มีประสบการณ์ตรงในตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ หรือเลือก บริษัทรับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ Search Volume และวางแผนคีย์เวิร์ดอย่างมีระบบ จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นเดียวกัน

รับทำ SEO ติดหน้าแรก

ค้นหา บทความอื่นๆ

Search

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

9 เทคนิคการทำ SEO

9 เทคนิคการทำ SEO ! ที่จะช่วยทำให้ Google ให้อันดับคีย์เวิร์ดของเรา Go To The Moon

แนะนำ Tip&Trick การปรับแต่งเว็บไซต์ ด้วยเทคนิค SEO ให้เว็บไซต์ของคุณ ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ในคีย์เวิร์ดที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา

อ่านบทความ ➝
Negative seo

NEGATIVE SEO คืออะไร เดี๋ยวบทความนี้จะแนะนำให้ฟังครับ

NEGATIVE SEO คืออะไร ในกรณีโดนแกล้ง จะส่งผลอย่างไรต่อการทำ SEO เรียนรู้เรื่อง NEGATIVE SEO แบบเจาะลึก ในกรณีทีโดนทำ NEGATIVE SEO ใส่จะได้ไม่ต้องตกใจ พร้อมหาวิธีแก้ไขเบื้องต้น

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top