CTR หรือ Click-Through Rate ความหมายคือ อัตราการคลิกต่อการเห็นโฆษณา โดยข้อมูลจะแสดงในรูปแบบ % ยิ่งค่า CTR สูงหมายความว่าผลตอบลัพธ์ของโฆษณาดี
โดยสูตรของ CTR คือ
(Click/Impression)*100 จะได้ออกมาเป็นค่า CTR
ถ้า CTR = 20% ตีเป็นความหมายง่ายๆว่า
– คนเห็น(Impression) 1,000 คน
– คนคลิก(Click) 200 คน
นั่นหมายความว่ายิ่ง % สูงเท่าไหร่ยิ่งดี!! เพราะว่าคนคลิกเข้าเว็บเยอะขึ้น
CTR = $$$ เชื่อไหมครับ แค่เพิ่ม CTR ได้ช่วยให้ยอดขายได้แล้ว หลักคิดง่ายๆเลยคือ
– ถ้า CTR เพิ่ม = Traffic เพิ่ม
– ถ้า Traffic เพิ่ม = ยอดขายเพิ่ม
พอเห็นแบบนี้เริ่มสนใจอยากจะเพิ่ม CTR กันแล้วใช่ไหมครับ
สำหรับบทความนี้ผมจะมาขยี้แนวทางการเพิ่ม CTR กันทีละ Platform เลยครับ หลักๆคือ
1. Facebook Ads
2. Google Ads
3. SEO
1/3 | วิธีการเพิ่ม CTR สำหรับ Facebook Ads
สำหรับการเพิ่ม CTR ของ Facebook นั้น อันดับแรกที่ต้องเข้าใจก่อนเลยคือ Facebook Ads มี Metrics CTR อะไรบ้าง แล้วแต่ละตัวความหมายคืออะไร ใช้วิเคราะห์อะไร โดยผมจะเอามาเฉพาะตัวหลักๆที่จำเป็นเท่านั้นนะครับ คือ
- CTR (All)
- Outbound CTR
CTR (All)
ความหมายง่ายๆคือ อัตราการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างในตัวโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น Click Link, See more, View Photo, Comment, Share ฯลฯ
สำหรับ Metric นี้ใช้สำหรับวิเคราะห์ผลตอบลัพธ์ภาพรวมของโฆษณา ว่าแต่ละตัวผลตอบลัพธ์เป็นอย่างไร
หลายท่านคงจะมีคำถามว่าแล้ว CTR ควรอยู่ที่เท่าไหร่ ถึงจะดี ผมแนะนำแบบนี้คือ
ให้ดูค่าเฉลี่ย เปรียบเทียบกับ Ads ทุกตัวที่โฆษณาอยู่ ถ้าตัวไหน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นั่นแหละครับ คือตัวที่ไม่ดี ต้องปรับปรุง
จากรูปจะเห็นจะเห็นว่าค่า CTR (All) ที่ต่ำกว่า 2% ลงไปนั้น ควรจะปรับปรุง (เพราะว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2.42%)
ทีนี้ก็สามารถที่จะเลือก focus ได้แล้วครับ
ต่อมาเมื่อเรารู้แล้วว่าตัวไหนที่ CTR ไม่ดีเราก็ควรจะมาปรับให้มันมี CTR ดี
ซึ่งวิธีคือ เราจำเป็นจะต้องมาดูว่า Ads ที่เราโฆษณาอยู่เนี่ยมันมี Detail อะไรบ้าง แล้วค่อยๆปรับทีละจุดครับ
พอเรามอง Detail ของ Creative ในการโฆษณา Facebook เป็นจุดๆแล้วจะพบว่ามีหลักๆ 3 จุดด้วยกันคือ
- หัวข้อ – สำหรับการเขียนหัวข้อให้น่าดึงดูดนั้นจะมีเทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของหลากหลายวิธีมาก แนะนำให้ศึกษาและปรับใช้จะช่วยเพิ่ม CTR ได้แน่นอนครับ
- รูปภาพ – ในส่วนนี้ผมแนะนำว่าให้มองในมุมลูกค้าคือลูกค้าจะได้อะไร เราก็ควรจะสื่อข้อความนั้นออกมาอย่างเด่นชัด เช่น ตัวอย่างด้านบน คือ เขาเน้นเรื่องปรับประกัน 3 ปีสีแดงเด่นเลย ทีนี้!! ให้กลับไปดูที่ Creative ของตัวเองว่า เรามีการสื่อสารพวกนี้แล้วหรือยัง
- Call To Action (CTA) – ในส่วนนี้ก็มีศาสตร์อีกเหมือนกันครับ แนะนำให้ไปศึกษาต่อมันจะมีหลักการเขียนอีกหลากหลายประเภทเลยครับ อาจจะ Search Google ว่า Call To Action Tips ก็จะมี Idea อีกจำนวนมากให้นำไปใช้ครับ
โอเคครับ ทีนี้คุณก็จะสามารถปรับ Creative ของคุณเพื่อให้ CTR พุ่งได้แล้ว
สำหรับคนที่สนใจเรื่องการเขียนขายของเก่งๆ ผมแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ
ชื่อหนังสืออาจจะดูไม่ค่อยน่าอ่านแต่เนื้อหาดีมากศาสตร์ในหนังสือเล่มนี้สร้างเงินให้ผมได้เป็นล้านแล้วครับ
Outbound CTR (Click-Through Rate)
สำหรับ Metric นี้ความหมายคือ อัตราการคลิกออกนอก Platform Facebook ต่อการเห็นโฆษณา เช่นไป Website, Line ให้ดูที่ Metric นี้ครับ
จริงๆจะมี Metrics นึงคือ Link Click CTR แต่มันนับ Link Click ทั้งหมดไม่สนใจว่าจะออกจาก Platform Facebook หรือเปล่า
ผมเลยเลือกที่จะอธิบายตัวนี้เพราะว่าเป็น Metric ที่สำคัญต่อการวัดผลตอบลัพธ์โฆษณาที่ออกนอก Platform Facebook
เอาไว้วัดผลสำหรับคนที่โฆษณา Facebook Objective Conversion (ไปเว็บไซด์) หรือไป Line ครับ
โอเคเรามาเริ่มกันเลยว่าจะเพิ่ม CTR ตัวของ Outbound CTR นี้ได้อย่างไร
ก่อนอื่นผมขออธิบายหลักการก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการนะครับ
อันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า Outbound CTR เป็นอัตราส่วนจาก Outbound Link Click
สูตรของ Outbound CTR = (Outbound Lick Click/Impression)*100
และจากรูปจะเห็นว่า Outbound Lick Click คือลูกของ Click All (เป็น Subset)
และ Click All ก็จะเป็นลูกของ Impression ตามลำดับ
พอเราเข้าใจมากขึ้นแล้วผมขออธิบายเพิ่มขึ้นโดยมีตัวเลขเพิ่มเข้ามา
จากตัวอย่างด้านบนจะเห็นว่าค่า Outbound (CTR) มีค่าถึงครึ่งนึงของ CTR (All)
สิ่งที่เราต้องรู้คือ Ad ตัวไหนที่มีบริเวณสีเทาเยอะ แล้วไปวิเคราะห์ต่อว่า ทำไมคนมี Engagement เยอะ คลิกเยอะ
แต่!! คนถึงไม่คลิกมาเว็บไซด์ หรือคลิกมาที่ Line OA เรา
วิธีของผมคือเอา CTR (All) – Outbound CTR แล้วเราจะได้ Metric ใหม่ผมตั้งชื่อว่า Drop off Rate (แล้วแต่ท่านจะตั้งชื่อนะครับ)
แล้วผมก็จะดูต่อว่า ตัวไหนที่มี Drop off Rate เยอะแล้วผมจะไปปรับ Call To Action ใน Ad นั้นครับ เช่น
- เอา Link มาไว้ด้านบน Caption ลูกค้าจะได้คลิกง่ายๆ
- เขียนโน้มน้าว ในแคปชั่นให้มาคลิก
- หรือสร้าง Ad ใหม่โดยการเปลี่ยนรูปภาพเลยครับ
Tips & Tricks : ผมเลือกที่จะไม่วิเคราะห์ Outbound CTR อย่างเดียวเพราะว่าเคยเจอประสบการณ์ที่ Ads วิ่งดีมาก มี Engagement ดี CPM ถูก แต่!! คนไม่ไปต่อ เพราะว่าเราทำ Call To Action ไม่ชัดเจน
คนเลยเห็น Ad เราแล้วชอบ >> แต่ไม่ไปในเว็บหรือ Line OA ต่อครับ
อ้อ ลืมไปเลย… สำหรับวิธีสร้าง Column ใหม่ใน Facebook ก็ไม่ยากครับ ตามรูปภาพด้านล่างเลย
อันดับแรกให้ไปที่หน้า Ads Manager แล้วไปตรงปุ่ม สามขีด แล้วเลือกที่ Customize Columns
ต่อมาให้ทำตามนี้คือ
- ใส่ตรง Formular ว่า CTA (All) – Outbound CTR
- แล้วเลือก Format เป็น Percentage (%)
- ก็ตั้งชื่อตามที่ต้องการเลยครับ
- แล้วก็เลือก Metric ใหม่ออกมาแสดงผล
โอเคครับ สำหรับการเพิ่ม CTR ของ Facebook ก็จะมี 2 ส่วนหลักๆคือ CTR (All) กับ Outbound CTR (Click-Through Rate) นะครับ
2/3 | วิธีการเพิ่ม CTR สำหรับ Google Ads
ในส่วนนี้ผมขออนุญาตอธิบายเกี่ยวกับ Google Search Ads อย่างเดียวก่อนนะครับ
โดยอันดับแรก ต้องทำความเข้าใจเรื่อง Google Ads ก่อนคือ User มา Search Google เพราะอะไร?
ง่ายๆเลยคือ เขาก็มา Search เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาใช่ไหมครับ
หลักคิดคือ เราจะต้องนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องไปให้ User เขาถึงเลือกคลิกเข้ามาเว็บเรา
ดังนั้นวิธีการเพิ่ม CTR สำหรับ Google Ads คือ ทำ Text Ads ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ User ค้นหาข้อมูล
จากรูปด้านบน ผมอยากชวนคิดครับ ถ้าเรา Search คำว่า “วิธีหาเงินออนไลน์” เราจะคลิกหมายเลขอะไร?
ผมเชื่อว่าหลายท่านจะรู้สึกตะหงิดๆกับ หมายเลข 1 คือ ฉันต้องการหาเงินออนไลน์ แล้ว Text Ads ขึ้นว่า มาเทรด กับโอลิมเทรด
ฉันจะหาวิธีหาเงินออนไลน์ไม่ได้อยากมาเทรดเว้ย !!!!!!!
ถ้าคนไม่รู้เรื่องการเทรด คงจะเลื่อนผ่านไป และไปคลิกหมายเลข 2, 3, 4 เพราะว่า เราต้องการหาวิธีหาเงินออนไลน์ ไม่ได้ต้องการมาเทรด ใช่ไหมครับ
*การเทรดอาจจะเป็นวิธีหาเงินออนไลน์วิธีนึงก็จริง แต่ว่ามันไม่ค่อยตรงกับวัตถุประสงค์ของ User ที่ Search เข้ามาซักเท่าไหร่
เริ่มเห็นอะไรบ้างไหมครับ
เทคนิคการเพิ่ม CTR ของ Google Ads คือ
เขาหาอะไร เราก็นำเสนอสิ่งนั้นให้กับเขา โดยการทำ Text Ads ให้เกี่ยวข้องกับ Keywords ที่เขา Search มากที่สุด
- User Search คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ >> Text Ads คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ…..
- User Search คอนโดสุขุมวิท >> Text Ads คอนโดสุขุมวิท…..
- User Search บ้านเดี่ยว บางนา >> Text Ads บ้านเดี่ยว บางนา…..
- User Search วิธีหน้าเด็ก >> Text Ads ครีมลดหน้าเด็ก…..
ต่อมาจะเป็นเรื่องอันดับก็จะส่งผลต่อ CTR เหมือนกันครับ
ลองสังเกตุพฤติกรรมตัวเองนะครับ ถ้าเรา Search Google แล้วถ้าเจอ Text Ads ที่เกี่ยวข้องเลย เราก็จะคลิกที่เว็บนั้นเลยใช่ไหมครับ
ดังนั้นจุดตัดอีกจุดนึงคือ ถ้าเราทำ Text Ads ที่เกี่ยวข้องแล้ว เราควรจะทำ Ads ให้อยู่ในอับดับที่ดีด้วย
แล้วทำยังไงให้ได้อันดับที่ดีใน Google Ads ละ?
จากรูปจะเห็นว่าการจัดอันดับ (Ad Rank) ของ Google Ads ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ
- CPC Bid (เรายอมจ่ายค่าคลิกที่เท่าไหร่)
- Quality Score (คะแนนคุณภาพของ Ads ที่เราโฆษณาอยู่)
จากรูปด้านบนจะเห็นว่า การที่เรามี Quality Score ที่เยอะ อันดับเราก็จะดีได้ ไม่จำเป็นจะต้องเพิ่ม Max Bid
ดังนั้นผมแนะนำคือ ไปปรับ Quality Score ให้ได้เยอะๆก่อน แล้วถ้าอันดับยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้เพิ่ม Max Bid ครับ
3/3 | วิธีการเพิ่ม CTR สำหรับ SEO
โอเคครับ มาถึงหัวข้อสุดท้ายแล้ว สำหรับการเพิ่ม CTR สำหรับ SEO ปัจจัยหลักเลยคืออะไรรู้ไหมครับ
ผมอยากให้นึกถึงเคส Google Ads คือหัวข้อเกี่ยวข้องกับ Keywords ที่ Search
ซึ่งถ้ามองในมุม SEO การทำหัวข้อไม่เกี่ยวข้องกับ Keywords ที่ Search ก็คงไม่ติดอันดับ หรือ ติดอันดับไม่ดีใช่ไหมครับ
ดังนั้นหนีไม่พ้นเลยคือต้องทำอันดับให้ดี
เพียงอันดับดี CTR ก็จะดีขึ้นครับ
จากรูปด้านบนเป็นการทำ Research จาก backlinko.com (นักทำ SEO ชื่อดัง)
จะเห็นว่าอันดับที่ 1-3 จะมี CTR ที่ดีมากและได้ Traffic มากถึง 70% ของ Traffic ทั้งหมดเลยดังนั้น ถ้าคุณจะเพิ่ม CTR จากช่องทาง SEO คงหนีไม่พ้นการทำอันดับให้ดีขึ้นครับ
ซึ่งเทคนิคการดันอันดับ SEO จะมีหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็น
การทำ On-Page ที่ดีตามโครงสร้างที่ Google ชอบ และ Off-Page รวมไปถึงการทำ Backlink ที่ดียิง Link เข้ามา รวมไปถึงโครงสร้างเว็บ
ซึ่งการดันอันดับ SEO เป็นสิ่งที่ทีมเราทำกันอยู่สำหรับใครที่สนใจเรียน SEO หรืออยากปรึกษาสามารถทักเข้ามาได้เลยนะครับ
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ ทุกท่านเข้าใจเรื่อง CTR คืออะไร แล้ววิธีเพิ่ม CTR ของช่องทางหลักๆนะครับ หวังว่าทุกท่านจะเอาเทคนิคไปปรับใช้และทำให้ CTR เพิ่มขึ้นได้นะครับ ^^