เมื่อโลกอยู่ในยุค WEB 3.0 ที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านช่องทางดิจิทัล อย่างเช่น เว็บไซต์ ทำให้คนสนใจที่อยากจะทำให้เว็บไซต์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยในการทำธุรกิจ แต่การจะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพมากพอจนคนค้นหาเจอบน Browser คือ เรื่องที่ท้าทาย และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ต้องให้ความสำคัญเลยก็คือ การทำให้ URL ดีต่อการทำ SEO
เรารู้กันดีว่า SEO คือ ช่องทางทำการตลาดบน Search Engine แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า URL คืออะไร และ URL มีความสำคัญอย่างไรกับเว็บ? หรือเกี่ยวข้องอะไรกับการทำ SEO? บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ URL ในฐานะของหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ถูกค้นพบได้ง่าย และดีต่อการค้นหาบนหน้า SERPs มากขึ้น แต่จะทำได้อย่างไรตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
URL คืออะไร ?
URL ย่อมาจาก “Uniform Resource Locator” หรือที่เรียกกันว่า “ที่อยู่เว็บไซต์” คือตัวกำหนดตำแหน่งของหน้าเว็บหรือไฟล์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ URL บนอินเทอร์เน็ต คือ ที่อยู่ของบ้านแต่ละหลังของเว็บไซต์ในโลกออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ Web Browser สามารถพาผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งโดยปกติแล้ว URL จะทำงานร่วมกันกับ Sitemap ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์มีหน้าเพจอะไรบ้าง มี URL อะไรบ้างที่อยู่บนเว็บไซต์นั้นๆ รวมถึงทำงานควบคู่กับ Hosting คือ ระบบที่ใช้เก็บไฟล์และข้อมูลของเว็บไซต์ให้สามารถออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนประกอบของ URL มีอะไรบ้าง ?
ตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจแล้วว่า URL หมายถึงอะไร คราวนี้เรามาดูกันต่อว่าส่วนประกอบของ URL ที่เราใช้งานกันทุกวันนี้มีอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่า แต่ละส่วนมีหน้าที่ที่ช่วยให้เบราว์เซอร์สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างไร ดังนี้
1. Protocol (โปรโตคอล)
Protocol จะเป็นส่วนแรกของ URL ทำหน้าที่เป็นเหมือนข้อกำหนดหรือชุดของกฎที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ทำให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เมื่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ทำการป้อน URL ลงในเบราว์เซอร์ ระบบจะใช้ Protocol นี้เพื่อร้องขอข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ และดึงข้อมูลมาแสดงผลบนหน้าจอ ซึ่งจะมีอยู่ 2 แบบ คือ
- HTTP (Hypertext Transfer Protocol) ใช้สำหรับการสื่อสารข้อมูลบนเว็บ แต่ไม่มีการเข้ารหัส ทำให้ข้อมูลอาจถูกดักฟังได้
- HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure) ปัจจุบันคนจะนิยมใช้มากกว่า เพราะใช้ SSL/TLS เพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งระหว่างเบราว์เซอร์กับเซิร์ฟเวอร์ จึงป้องกันการดักฟังข้อมูล เพิ่มความปลอดภัยได้มากกว่า
2. Subdomain
Subdomain คือ ส่วนที่ใช้แยกประเภทหรือแยกส่วนของเว็บไซต์ออกจาก Root Domain เพื่อจัดหมวดหมู่เนื้อหาให้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น blog.example.com → เป็นส่วนของบล็อก, shop.example.com → เป็นร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ
3. Domain
โดเมน คือ ชื่อของเว็บไซต์จะเป็นที่อยู่เฉพาะของเว็บไซต์ที่ไม่สามารถซ้ำกันได้ ยกเว้นว่าจะใช้ Top-Level Domain (TLD) ที่ต่างกัน (.com, .net, .ca) จะทำให้ชื่อโดเมนเดียวกันกลายเป็นคนละโดเมนได้
4. Top-Level Domain (TLD)
Top-Level Domain (TLD) หรือ TLD จะเป็นส่วนต่อท้ายของโดเมนเนม ระบุถึงประเภทของเว็บไซต์หรือองค์กร ตัวอย่างของ TLD ที่ใช้กันทั่วไป เช่น
- .com – ใช้สำหรับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
- .edu – สำหรับสถาบันการศึกษา
- .gov – สำหรับหน่วยงานรัฐบาล
- .org – สำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
5. Subdirectory
Subdirectory คือ โครงสร้างที่ช่วยจัดหมวดหมู่เนื้อหาภายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์และ Bot Crawler ของ Search Engine เข้าใจโครงสร้างเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เช่น https://nerdoptimize.com/blog/ →อยู่ในหมวด Blog ของเว็บไซต์ เป็นต้น
6. Slug
Slug คือ ส่วนที่อยู่หลัง Subdirectory ใช้เพื่อบอกให้ผู้ใช้และ Search Engine ทราบว่าเพจนั้นเกี่ยวกับอะไร ตัวอย่างเช่น https://nerdoptimize.com/seo/what-is-organic-search/ → Slug ด้านหลังคือ what-is-organic-search บอกว่าเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง Organic Search เป็นต้น
7. Path
Path คือ ส่วนของ URL ที่ระบุตำแหน่งของหน้าเว็บภายในเว็บไซต์ จะประกอบด้วย Subdirectory และ Slug ตัวอย่างเช่น
example.com/products/electronics/phones
- /products/ → อยู่ในหมวดสินค้าหลัก
- /electronics/ → อยู่ในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
- /phones/ → เป็นหมวดย่อยของโทรศัพท์มือถือ
การที่เราระบุ Path ที่ชัดเจนจะช่วยให้ User Experience ดีขึ้น และช่วยให้ Search Engine เข้าใจลำดับชั้นของเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ดีขึ้นอีกด้วย
ความสำคัญของ URL ในการใช้งานเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ต มีอะไรบ้าง ?
URL เป็นองค์ประกอบสำคัญของเว็บไซต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงหน้าเว็บต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ดังนั้น URL จึงมีความสำคัญกับการทำเว็บไซต์และการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ดังนี้
- URL ช่วยกำหนดโครงสร้างของเว็บไซต์
โครงสร้างของเว็บไซต์ หรือ Site Structure คือ โครงสร้างของเว็บไซต์ที่ช่วยให้ทั้งผู้ใช้งานเว็บและ Search Engine เข้าใจว่าแต่ละหน้าของเว็บไซต์เชื่อมโยงกันอย่างไร โดยการใช้ URL ที่มีโครงสร้างดีในเว็บไซต์ จะช่วยให้เว็บไซต์ถูกจัดลำดับความสำคัญของเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยที่ Google Bot สามารถรวบรวมข้อมูล (Crawl) เว็บไซต์ได้ดีขึ้น และผู้ใช้งานเองก็เข้าถึงเนื้อหาได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย
- URL Friendly ช่วยให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ดีต่อการทำ SEO
URL Friendly คือการตั้งค่า URL ให้เป็นมิตรกับทั้งผู้ใช้งานและ Search Engine โดย URL ที่ดีควรมีโครงสร้างที่อ่านง่าย ชัดเจน และสื่อความหมาย ซึ่งในปัจจุบันสามารถกำหนดโครงสร้าง URL ผ่าน CMS (Content Management System) เช่น WordPress คือ หนึ่งใน CMS ยอดนิยมที่ช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถปรับแต่ง URL Friendly ได้ด้วยตัวเอง
- URL เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
ถ้าไม่มี URL ที่ดี การเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากทันที เพราะผู้ใช้เว็บไซต์จะต้องจำหมายเลข IP ของแต่ละเว็บไซต์ ซึ่งเป็นไปได้ยาก เช่น 192.168.1.1 (หมายเลข IP ของเว็บไซต์) ดังนั้น URL คือ สิ่งที่ทำให้การท่องเว็บไซต์นั้นง่ายขึ้น และยังช่วยให้ระบบอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเว็บไซต์และผู้ใช้งานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นอีกด้วย
เทคนิคการตั้งชื่อ URL ให้เป็นผลดีต่อ SEO มีอะไรบ้าง ?
เรารู้กันแล้วว่า URL หมายถึง ที่อยู่เฉพาะของแต่ละหน้าเว็บไซต์ และเป็นองค์ประกอบสำคัญของ SEO หากตั้ง URL ให้ถูกหลักก็จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บไซต์ได้ดีขึ้น ส่งผลให้เว็บติดอันดับได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น มาดูกันว่า จะตั้งชื่อ URL อย่างไรให้ดีต่อการทำ SEO ดังนี้
ใช้ Keyword ที่สื่อความหมายได้ชัดเจน
ลิงค์เว็บไซต์ คือ การบอกที่อยู่ของเว็บไซต์ ดังนั้น จึงต้องตั้งให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถจดจำและเข้าถึงได้ง่าย ด้วยการใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ใน URL ซึ่งจะช่วยให้คนที่เข้าเว็บไซต์รู้ว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไรได้ทันที และยังช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ SEO และช่วยให้เว็บไซต์ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง URL ที่สื่อความหมาย เช่น https://nerdoptimize.com/seo/keyword-research-strategy/ → เราเขียนบทความเกี่ยวกับ keyword research strategy เราก็ใช้ Keyword ที่ทำ SEO ในการตั้งเป็น Slug ของหน้าบทความนั้นเลย
ตัวอย่าง URL ที่ไม่ได้สื่อความหมาย เช่น http://example.com/p=12345 → URL ไม่ได้ใช้ Keyword หรือบอกว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร, http://example.com/article-xyz → URL ไม่ได้มีความหมายที่ชัดเจน เป็นต้น
ตั้งชื่อ URL ให้สั้น กระชับ จำง่าย
URL ที่ดีควรมีความกระชับและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจดจำและแชร์ได้สะดวก ไม่ควรมีคำที่ไม่จำเป็นหรือยาวจนเกินไป มาดูURL ตัวอย่างที่ดีและไม่ดีกัน
URL ตัวอย่างที่ดี
http://example.com/url-structure → กระชับและเข้าใจได้ทันทีว่าเนื้อหาในหน้านี้เกี่ยวกับ โครงสร้างของ URL
example.com/javascript-tricks → ชัดเจนว่าเป็นบทความเกี่ยวกับ JavaScript คืออะไร และมีเทคนิคการใช้งานอย่างไร
http://example.com/html-vs-css → อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าเนื้อหาในหน้านี้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบว่า HTML คืออะไร และ CSS คืออะไร
URL ตัวอย่างที่ไม่ดี
http://example.com/how-to-optimize-your-website-url-for-seo-best-practices-2024 → ตัว URL เขียนค่อนข้างยาวและจำได้ยาก
http://example.com/1234abcxyd-article → ตัว URL ไม่มีความหมายและยากต่อการจำ
ใช้ขีดกลาง (-) แทนขีดล่าง (_)
URL เว็บไซต์ที่ดีให้ใช้ ขีดกลาง (-) แทนขีดล่าง (_) ใน URL เพราะ Google จะมองขีดกลางเป็นการแยกคำ แต่ถ้าใช้ขีดล่างจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น http://example.com/url_structure_guide → Google อาจมองเป็น “URLStructureGuide” เป็นต้น
หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษและอักขระภาษาอื่น
ลิงก์เว็บไซต์ที่ถูกต้องควรจะเขียนเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ (a-z), ตัวเลข (0-9) และใช้ขีดกลาง (-) เท่านั้น เพื่อให้เป็นสากลและง่ายต่อการเข้าถึง สำหรับ URL ที่มีอักขระพิเศษอาจทำให้เกิดปัญหาเมื่อแชร์ลิงก์ออกไป อย่างเช่นการแชร์ลิงก์ที่เป็น URL ภาษาไทยจะเห็นว่า URL กลายเป็นแบบนี้
ใช้ HTTPS แทน HTTP
Website URL ควรใช้ HTTPS แทน HTTP เพราะ HTTPS ปลอดภัยกว่า เนื่องจาก HTTPS จะทำให้ข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายปลอดภัยจากการถูกดักฟัง (Eavesdropping), ถูกปลอมแปลง (Data Tampering), และถูกโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM Attack) และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ นอกจากนี้ การใช้ HTTPS ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ได้อีกด้วย
สรุป URL คืออะไร อยากปรับปรุง SEO ทำแค่ URL พอไหม
อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเข้าใจว่า URL เว็บไซต์ คืออะไร ไม่มากก็น้อย ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถสร้าง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO ซึ่งช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับบน Google รวมถึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับใครที่อยากทำ SEO แบบจริงจัง การปรับแต่ง URL เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น โครงสร้างเว็บไซต์, Content คุณภาพ, Backlink และความเร็วในการโหลดเว็บ ที่ส่งผลต่ออันดับการค้นหาด้วยเหมือนกัน
ซึ่งถ้าคุณต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับแบบมืออาชีพ NerdOptimize พร้อมให้บริการ รับทำ SEO
แบบครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์ URL เว็บไซต์ ปรับปรุงเว็บให้เหมาะกับ SEO รวมถึงการ รับทำเว็บไซต์ WordPress ที่ออกแบบมาให้รองรับทุกอัลกอริทึมของ Google หากสนใจทำ SEO หรือทำเว็บไซต์ให้ดีและติดหน้า 1 ของ Google ติดต่อเรา “NerdOptimize” ได้เลย!