ในการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับการค้นหาในคำค้นหา (Keyword) นั้น ๆ นอกจากเทคนิคการทำ SEO ที่เราเคยพูดถึงมาอยู่ตลอด เช่นการทำ On-Page SEO ปรับเนื้อหาต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์, การทำ Off-Page SEO สร้าง Backlink เพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือ หรือ Technical SEO ที่เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์เชิงเทคนิคในหลังบ้าน
แต่คุณทราบหรือไม่ว่ายังมีอีกหนึ่งปัจจัยด้านระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการทำ SEO นั่นก็คือเรื่องของการวาง “Sitemap” หรือแผนผังเว็บไซต์ที่จะเข้ามาช่วยให้ Search Engine Bot ในการสำรวจเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ของสิ่งที่เรียกว่า Sitemap ตั้งแต่ ความหมาย ความสำคัญ และไขข้อข้องใจว่า Sitemap จะเข้ามาส่งผลต่อการทำ SEO ของธุรกิจคุณมากน้อยเพียงใด ไปติดตามกันได้ในบทความนี้
Sitemap คืออะไร ?
Sitemap คือ แผนที่เว็บไซต์หรือแผนผังของเว็บไซต์ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานและ Search Engine Bot รู้ได้ว่าในเว็บไซต์ของเรานั้น ประกอบด้วยหน้าเว็บเพจใดบ้าง และสามารถเข้าถึงเว็บเพจในหน้าต่าง ๆ ได้ผ่านทางลิงก์ไหน
คิดภาพตามง่าย ๆ ให้คุณลองจินตนาการว่า “เว็บไซต์” ของคุณคือหนังสือสักเล่ม Sitemap ก็เปรียบเสมือน “หน้าสารบัญ” ของหนังสือเล่มนั้นที่จะทำให้ผู้อ่านได้รู้ว่า หนังสือของคุณมีเนื้อหาหลัก เนื้อหาย่อย เรื่องอะไรบ้างและแต่ละเรื่องอยู่ในหนังสือหน้าอะไร ก็เหมือนกับ Sitemap ที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราดูมีความเป็นมิตรมากขึ้น ผู้ใช้งานก็จะมีความรู้สึกอยากกดเข้าไปเยี่ยมชม
Sitemap มีความสำคัญอย่างไร ทำไมต้องทำ ?
Sitemap นอกจากจะมีความสำคัญในการเป็นเหมือนแผนผังให้กับเว็บไซต์ของเรา ให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าหน้าเว็บไซต์ไหนเชื่อมถึงหน้าเพจใดบ้าง เพื่อให้ User เหล่านั้นเกิดประสบการณ์ที่ดีในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณแล้วนั้น Sitemap ยังมีความสำคัญกับ SEO และการรับทำ SEO เป็นอย่างมาก
เพราะการที่เว็บไซต์ของคุณมีการวาง Sitemap ที่ดีและครบถ้วนนั้นจะทำให้ Search Engine Bot (หุ่นยนต์ออนไลน์ที่ทำหน้าที่สำรวจเว็บไซต์บน Search Engine เพื่อการจัดอันดับ SEO) เช่น Google Bot สามารถเข้ามาสำรวจเว็บไซต์ของเราได้แบบทั่วถึงอย่างรวดเร็วและง่ายที่สุด ทำให้ Google Bot ได้ทราบว่าเว็บไซต์คุณอยู่ในประเภทไหน มีข้อมูลในเรื่องอะไรบ้าง ได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งหลังจากนั้นเจ้า Google Bot ก็จะเข้ามามีส่วนในการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ ในคำค้นหาต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง
ดังนั้นก้าวแรกของการเริ่มสร้างเว็บไซต์ของธุรกิจหรือเริ่มต้นการทำ SEO นั้น Sitemap ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรต้องโฟกัสก่อนเสมอเลย ท่องไว้ว่าถ้า Sitemap เว็บไซต์เราดี ครบถ้วน โอกาสที่เว็บเราจะติดอันดับต้น ๆ ของหน้าค้นหา (SEO) ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Sitemap มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
จริง ๆ แล้ว Sitemap นั้นสามารถแบ่งออกไปได้หลายรูปแบบมาก ๆ ตามปัจจัยของการใช้งานแต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าเอาแบบไม่ซับซ้อน เราจะแบ่ง Sitemap ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. HTML Sitemap
HTML Sitemap คือ Sitemap ที่เป็นเหมือนสารบัญประจำเว็บไซต์เราจริง ๆ ช่วยให้ฝั่งผู้ใช้งานได้รู้ว่าในเว็บไซต์ของเรามีหน้าเว็บเพจอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เราจะเห็นตามส่วนที่เป็น Footer หรือส่วนล่างสุดของหน้าหลักเว็บไซต์ หรือบางเว็บไซต์ก็อาจจะมีการสร้างเป็นเพจใหม่ขึ้นมาเลยก็มี
ซึ่งในส่วนของ HTML Sitemap ก็จะมีชื่อเรียกของหน้าเพจต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานได้ลองกดเข้าไปเยี่ยมชม ส่วนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับ SEO น้อย เหมือนเป็นการทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์เราได้นานขึ้นและช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์ที่ดีในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากกว่า
2. XML Sitemap
XML Sitemap คือ Sitemap ที่ทำหน้าที่เป็นแผนผังเว็บไซต์อย่างแท้จริง จะแตกต่างกับ HTML Sitemap ตรงที่ของ HTML นั้นจะมีวัตถุประสงค์ให้ “ผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์เข้าใจ” แต่ XML Sitemap นั้นจะสร้างขึ้นเพื่อให้ “Search Engine Bot เข้าใจ” ในการสำรวจเว็บไซต์เพื่อจัดอันดับการทำ SEO โดยเฉพาะ ซึ่ง Bot จะทำการสำรวจและเก็บข้อมูลว่าเว็บไซต์นี้มีจำนวนเนื้อหาทั้งหมดกี่หน้า มีกี่ URL บนเว็บไซต์และแต่ละเพจมีการอัปเดตล่าสุดเมื่อไหร่
ซึ่ง XML Sitemap จะมีระบบการทำงานที่เป็น Coding ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องอาศัยความละเอียดในการทำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเหมือนการสื่อสารให้ Bot เข้าใจ เป็น Sitemap ที่มีความซับซ้อนกว่าแบบ HTML ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการผลลัพธ์ในด้านการทำ SEO XML Sitemap ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
อย่างไรก็ตาม XML Sitemap ก็ยังสามารถแบ่งออกได้อีก 3 ประเภทย่อย ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของ SEO ดังนี้
- Image Sitemap คือ Sitemap ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระบุ URL ของรูปภาพที่เราใช้ประกอบคอนเทนต์ต่าง ๆ ในเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาใน Google Image Search พบเข้ากับเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น (หลักการคล้าย ๆ ALT Tags)
- Video Sitemap คือ Sitemap สำหรับ “วิดีโอ” ที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ Image Sitemap แต่จะเปลี่ยนจากรูปภาพมาเป็น Sitemap ของวิดีโอ ซึ่งจะช่วยให้การค้นหา Google Video Search ในคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง พบเข้ากับเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายมากขึ้น
- News Sitemap คือ Sitemap สำหรับคอนเทนต์ข่าวต่าง ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราสามารถแสดงผลในหน้า Google News ได้ถ้าเกิดมีการค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้อง เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่คอนเทนต์ในลักษณะข่าวสารที่มีการอัปเดตบ่อย ๆ อีกทั้งทาง Google ก็จะส่ง Bot มาสำรวจเว็บไซต์ของเราเพื่อหาข้อมูลข่าวต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามความถี่ด้วยเช่นกัน
เริ่มสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์ ต้องทำอย่างไร ?
สำหรับการเริ่มสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์ของตัวคุณเองสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้าน Developer หรือความรู้ในด้านการเขียนโค้ด คุณสามารถใช้เครื่องมือสร้าง Sitemap สำเร็จรูปอย่าง www.xml-sitemaps.com ที่เป็นเครื่องมือที่เราคิดว่าใช้งานง่ายและรวดเร็วที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ เพราะเพียงแค่คุณกรอก URL ของเว็บไซต์ลงไปในช่อง > กด Start > รอสักครู่ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ xml มาใช้งานได้เลย
หรือสำหรับใครที่ใช้งานระบบเว็บไซต์ของ WordPress คุณสามารถดาวน์โหลด Plugin เพื่อทำ XML Sitemap ผ่านระบบหลังบ้านได้เลย ซึ่งการติดตั้งก็เหมือนกับติด PlugIn ตัวอื่น ๆ ที่สะดวก รวดเร็วไม่แพ้กัน โดย PlugIn สำหรับการทำ Sitemap ก็มีด้วยกันหลายเจ้าเลย เช่น Yoast SEO, XML Sitemap Generator, Google XML Sitemaps และ PlugIn ตัวอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ถ้าให้แนะนำสักตัวขอชี้เป้าไปที่ Yoast SEO ครับ เพราะด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ครบเครื่อง นอกจากจะสามารถสร้าง XML SItemap ให้กับเว็บไซต์คุณได้อย่างดีแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในเรื่องของการทำ SEO ทั้งแบบ On-Page SEO และ Technical SEO ในลักษณะของเช็คลิสต์พร้อมวิธีการแก้ไขให้คุณรู้จุดบกพร่องของการทำ SEO แต่ละจุดบนเว็บไซต์ตัวเองได้อย่างละเอียด
ถ้าใครที่อยากศึกษาเกี่ยวกับ PlugIn : Yoast SEO ทั้งฟีเจอร์ทั้งหมดรวมถึงวิธีการติดตั้ง สามารถเข้าไปอ่านบทความที่เราเคยอธิบายไว้อย่างละเอียดได้เลยที่ >> บทความนี้
Sitemap ส่งผลอย่างไรต่อการทำ SEO ?
Sitemap ถือว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ส่งผลต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์คุณมาก ต้องอธิบายก่อนว่าเพราะ ปัจจุบัน Serach Engine อย่าง Google จะเริ่มมีการพัฒนาทั้ง Creawler (หรือ Google Bot ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์บน Serach Engine) และ Algorithm ให้มีความสามารถในการสำรวจเว็บไซต์ได้อย่างละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น
ซึ่งการที่เว็บไซต์ของคุณมีการทำ Sitemap ที่ครบถ้วนและมีระเบียบ โดยเฉพาะ XML Sitemap ก็จะช่วยให้ Google Bot ที่ทำการค้นหาหรือสำรวจเว็บไซต์นั้น ๆ ทำได้ดีมากขึ้นรวมถึงการค้นหา รูปภาพ วิดีโอ คอนเทนต์ด้วย คิดภาพตามง่าย ๆ เหมือนเรามีแผนที่ให้ Google Bot พวกนั้นดูได้เลยว่า เว็บไซต์ของเรา มีทางเดินไปตรงไหนได้บ้าง
ทำให้ Google Bot เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ เข้ามาเก็บข้อมูลตาม Link ที่เราจัดเอาไว้ หรือตามที่ robots.txt กำกับไว้ พวกมันก็จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้ ตรงตามสเป็คเว็บไซต์ที่พวกมันต้องการ และ Bot เหล่านั้นก็จะช่วยจัดอันดับให้เว็บไซต์คุณไปแสดงผลในอันดับต้น ๆ ของหน้าการแสดงผลการค้นหาในที่สุด ส่งผลให้การทำ SEO ของคุณเห็นผลลัพธ์มากขึ้น โดยสามารถดูจากการทำ seo audit
สรุป
อย่างไรก็ตามต้องบอกไว้ก่อนว่า Sitemap เป็นองค์ประกอบสำคัญก็จริง แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ เพราะการที่คุณจะทำ SEO ให้เห็นผลนั้นก็ยังต้องให้ความสำคัญที่ปัจจัยอื่นด้วย เช่นการพัฒนาเว็บไซต์ สร้างสรรค์คอนเทนต์ของตัวเองให้ดึงดูด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และปัจจัยอื่น ๆ ตาม SEO Checklist
แต่เชื่อได้เลยว่าถ้าคุณเริ่มมีการจัดระเบียบ SItemap ที่ครบถ้วน ชัดเจนประกอบกับการทำ SEO ในภาพรวมที่ดีแล้วด้วย จะช่วยติดจรวดการทำ SEO ของธุรกิจคุณให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนในอนาคตได้แน่นอน