Title Tag กลยุทธ์การเขียน Copywriting สั้นๆ แต่ต้องจูงใจ!
การที่คนเราค้นหาอะไรสักอย่างบน Google แน่นอนว่า ต้องการข้อมูลที่สามารถตอบคำถามที่สงสัยได้อย่างชัดเจน ซึ่งการที่จะทำให้ผู้ใช้งาน Google รู้ว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณนั้นมีคำตอบให้พวกเขาหรือไม่ก็ต้องพึ่งพาการเขียน Title Tage และ Description เป็นหลัก (ซึ่งเราเคยนำเสนอการทำ Meta Descrtiption แบบละเอียดเอาไว้แล้วที่ Meta Description คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรสำหรับการทำ SEO)
ในเมื่อมีเนื้อหาของ Description ไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงตาของ Title Tag มาดูกันดีกว่าครับว่า Title Tag คืออะไร จะเขียน copywriting อย่างไรให้ถูกใจคนใช้งานและโดนใจ Google ไปพร้อมๆ กันได้บ้าง วันนี้ผมมีตัวอย่างและข้อมูลสรุปแบบละเอียดมาฝากทุกคนแล้วครับ เลื่อนลงไปอ่านแต่ละหัวข้อที่สนใจได้เลย
Title Tag คืออะไร ?
ที่มาภาพ: www.fandangoseo.com
Title Tag คือ ชื่อของหน้าเว็บไซต์ที่เขียนไว้เป็น HTML header ซึ่งจะปรากฏขึ้นบนหน้าผลการค้นหาของ Search engine และด้านบนของ Web Browser เป็นส่วนหนึ่งของ meta tag การเขียน Title Tag จะมีประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้งาน Google ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่หาอยู่หรือไม่ ควรที่จะคลิกเข้ามาอ่านข้างในต่อหรือเปล่า ส่วนในฝั่งของ Google เอง ก็สามารถทำความเข้าใจกับหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ได้มากขึ้นจากการอ่าน Code หลังบ้านของ Title Tag ว่าหน้าเว็บเหล่านั้นคืออะไร และเกี่ยวกับอะไร ทำให้สามารถจัดอันดับบนหน้า Search Result ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่มาภาพ: /seo-gold.com
ตัวอย่างการแสดงผล Title Tag
สำหรับโค้ด Title Tag หลังบ้านที่ Google จะใช้ทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ
<head> <title>ชื่อเรื่อง</title> </head>
ยกตัวอย่างการเขียนชื่อเรื่องใส่ลงไป เช่น <head> <title>Title Tag คืออะไร เขียนอย่างไรให้ถูกใจ Google ดูวิธีทำแบบละเอียด!</title> </head>
ส่วนสิ่งที่ผู้ใช้งาน Google มองเห็นหลังจากทำการค้นหาเข้ามาแล้วก็คือ
วิธีการเขียน Title Tag
วิธีการเขียนข้อความใน Title Tag ให้ถูกเกณฑ์ของ Google จะมีอยู่ด้วยกัน 4 วิธีด้วยกันที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
- เขียนให้มีความยาวตามที่ Google กำหนด
ถึงแม้ว่า Google จะไม่ได้ทำการลงโทษเว็บไซต์ที่เขียน Title Tag ที่ยาวมากจนเกินไป แต่ก็ควรที่จะเขียนให้มีความยาวที่เหมาะสม โดยควรเขียนความยาวของตัวอักษรไม่เกิน 60 – 65 ตัวอักษร ไม่เช่นนั้น Title Tag ที่แสดงผลบนหน้า Search Result อาจจะโดนตัดตกดังเช่นตัวอย่าง
ที่มาภาพ: www.semrush.com
ส่วนวิธีการเขียนให้ Title Tag สั้น กระชับ และได้ใจความมากขึ้น แนะนำให้เขียนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสำคัญหรือเนื้อหาภาพรวมของเว็บเพจ และใช้วิธีการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์และชวนให้คลิกมากขึ้นร่วมด้วยก็จะช่วยทำให้คนอยากคลิกได้มากยิ่งขึ้น
- ใส่ใจในการใช้ Primary Keyword
Title Tag เป็นอีกตำแหน่งที่จะต้องมีการ Keyword Research คือ การสืบค้นหาข้อมูล Keyword ก่อนทำการใส่ Keyword หลักลงไปด้วย แต่ควรที่จะใส่ในจุดที่เหมาะสมและปริมาณที่พอดี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น เช่น หน้าเว็บไซต์นี้มีการใช้ Primary Keyword ทั้งหมด 3 คำด้วยกัน คือ “weighted blankets,” “blankets,” และ”affordable weighted blankets
ที่มาภาพ: www.semrush.com
ซึ่งการใช้ Keyword ที่มากเกินไปเช่นนี้อาจทำให้แต่ละคำมีโอกาสติดบนหน้า Google น้อยลง นอกจากนี้ยังดูเหมือนเป็นสแปมอีกด้วย คนก็เลยไม่อยากคลิก ซึ่งถ้าแก้ไขก็แนะนำให้ใช้งานคำ Keyword หลักเพียงคำเดียวก็เพียงพอ หรืออาจเลือกใช้ Long Tail Keyword คือ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น
ที่มาภาพ: www.semrush.com
- ใส่ชื่อแบรนด์หากมีพื้นที่มากพอ
สำหรับหน้าที่ไม่ได้เขียน Title Tag ที่ยาวมากนักสามารถใส่ชื่อแบรนด์ต่อท้ายเอาไว้ได้ โดยใส่เครื่องหมาย – หรือ | คั่นก่อนใส่ชื่อ ประโยชน์ของการตั้งชื่อเช่นนี้คือ ช่วยทำให้คนจดจำชื่อแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้นและทำให้รู้ว่าหน้าเพจนี้เป็นของเว็บไซต์ไหน
ตัวอย่างการใส่ชื่อแบรนด์บน Title Tag ของเว็บไซต์ต่างๆ ที่ช่วยทำให้แยกได้ว่าแต่ละหัวข้อนั้นเป็นของแบรนด์ไหนบ้าง
- เขียน Title Tag ให้มีเอกลักษณ์
ชื่อ Title Tag ที่ไม่ซ้ำใครจะช่วยทำให้ผู้ใช้งานและ Google รู้ว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไรและเชิญชวนให้เกิดการคลิกมากยิ่งขึ้น โดยอาจเลือกใช้ lsi คือ คำที่เกี่ยวข้องกับ keyword มาประกอบการตั้ง Title Tag ยกตัวอย่างวิธีการเขียน Title Tag ที่ทำให้คนอยากคลิก เช่น
-
- ใช้พลังของการเขียนตัวเลขมาใช้ในการตั้งชื่อ เช่น 9 วิธีที่จะช่วยให้คุณทำงานดีขึ้น 99% (9 วิธีและการเป็นคนดีขึ้น 99% ล้วนดึงดูดให้คนสนใจได้เป็นอย่างดี)
- การใช้คำที่ชวนให้คลิก เช่น หายาก! ฟรี! ครั้งแรก ที่นี่ที่เดียว เป็นต้น
- เล่นกับความกลัวของคน เช่น ใช้คำว่าโอกาสสุดท้าย ไม่รู้ไม่ได้ ห้ามพลาด ฯลฯ
- ให้สัญญา เช่น อ่านจบทำตามได้แน่นอน อ่านแล้วเข้าใจใน 1 นาที เป็นต้น
ข้อควรระวังในการเขียน Title Tag
รู้วิธีเขียนกันไปแล้ว ต่อมาดูข้อควรระวังในการเขียน Title Tag กันบ้าง โดยจะแบ่งเป็น 4 เรื่องที่ควรระวัง ดังต่อไปนี้
- ห้ามใส่ Keyword ใน Title Tag มากเกินไป
การใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากลงใน Title Tag อาจทำให้อันดับของหน้านั้นเสียหายได้ เนื่องจาก Google อาจจะมองว่าคุณกำลัง Spam Keyword มากจนเกินไป และยังทำให้ผู้ใช้สับสน รวมถึงทำให้พวกเขามีโอกาสคลิกเข้าไปยังเพจของคุณน้อยลงได้อีกด้วย keyword density คือ การกระจายตัวของ Keyword จึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการ Spam Keyword
- อย่าลืมใส่ Keyword ไว้ในช่วงแรกของ Title Tag
หลังจาก Keyword Researchตำแหน่งของ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Content บนเว็บไซต์ที่ช่วยทำให้ Search Engines หาเว็บไซต์คุณเจอได้ง่ายขึ้นและได้อันดับที่ดีในหน้า SERP คือการใส่เอาไว้ในช่วงต้นๆ ของ Title Tags เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่มีโอกาสโดนตัดตกหากทำการเขียน Title Tag ที่ยาวมากเกินไปได้อีกด้วย
- ห้ามใส่ข้อความใน Title Tag ที่ซ้ำกับหน้าอื่นในเว็บไซต์ของตัวเอง
Title Tag เป็นเหมือนหัวข้อที่บอกทั้งผู้ใช้งานและ Google ว่าหน้านี้เกี่ยวข้องกับอะไร หากทำการใช้ชื่อซ้ำๆ กันก็ย่อมส่งผลให้ผู้ใช้งานและ Google สับสนได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าในแต่ละหน้ามีหัวข้ออะไรบ้าง โดยเฉพาะ Google ที่อาจจะเข้าใจว่าเป็นการทำ Duplicate Content ได้ด้วย ดังนั้น จึงควรใส่ข้อความในหัวข้อที่ไม่ซ้ำกันจะดีที่สุด
- อย่าลืมใส่ Title Tag ทุกหน้าในเว็บไซต์
Title Tag สำคัญต่อการทำ SEO มาก จึงจำเป็นที่จะต้องใส่ทุกหน้าของเว็บไซต์ตามเกณฑ์ของ Google (แต่ห้ามมีหัวข้อมากกว่า2หัวข้อในหน้าเดียวกัน) เพราะ Title Tag เป็น Tag ที่บอกชื่อเรื่องของหน้าเว็บนั้นๆ ให้กับบทความ SEO Google รู้ ทำให้ Google เลือกหน้าที่มีการใส่ Title Tag มาจัดอันดับผลการค้นหาก่อน ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรจะใส่หัวข้อให้ครบทุกหน้าครับ
สรุป
สรุปแล้ว Title Tag คือ อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการทำ SEO เพราะนี่คือส่วนที่ Google จะใช้ทำความเข้าใจเว็บไซต์ของคุณและนำไปจัดอันดับต่อไป ส่วนด้านผู้ใช้งานเองก็จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลบน Title Tag เพื่อทำความเข้าใจว่า เว็บไซต์นี้มีเนื้อหาที่ต้องการรู้หรือไม่ แล้วค่อยคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ ซึ่งการเขียน Title Tag ที่ดีนั้นควรที่จะสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมีการใช้ Focus Keyword ในการเขียนร่วมด้วยสำหรับการรับทำ SEO นอกจากนี้ ก็ควรที่จะระมัดระวังในเรื่องของใส่ Keyword ซ้ำกับหน้าอื่น การเขียนที่ยาวเกินไป หรือทำการ Spam Keyword ลงไปด้วย
และทั้งหมดนี้คือ เรื่องของ Title Tag ที่นำมาฝากกันในบทความนี้ หากใครสนใจเนื้อหาเชิงลึกอื่นๆ ด้าน SEO เข้าไปอ่านต่อได้เลยครับที่ SEO คืออะไร ? รวมทุกอย่างที่คุณต้องรู้ของการทำ SEO ปี 2023
อ้างอิง
https://www.semrush.com/blog/title-tag/
https://moz.com/blog/title-tags-seo