Search Term คืออะไร ? เชื่อว่าหลายคนที่มีประสบการณ์ในการทำ SEO หรือแม้แต่ SEM น่าจะต้องเคยได้ยินคำนี้ผ่านหูมาบ้าง แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะเข้าใจความหมายของคำว่า Search Term คืออะไรจริง ๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า Search Term แม้จะเป็นปัจจัยเล็ก ๆ ของเรื่อง Keyword แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องศึกษาหากต้องการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ
ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่าที่จริงแล้ว Search Term คืออะไร? ทำไมถึงเป็นปัจจัยสำคัญของการทำ SEO ที่คุณต้องรู้ หากพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลย!
Search Term คืออะไร?
Search Term คือ Keyword ที่ผู้ใช้งานป้อนลงในช่องค้นหาของ Search Engine เช่น Google, Bing, Yahoo! เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น
- “สูตรผัดกะเพราหมูกรอบ”
- “รีวิวที่พักเขาใหญ่”
- “วิธีแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ช้า”
Search Term มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่คำง่าย ๆ ไม่กี่คำ ไปจนถึงประโยคยาว ๆ ที่มีความซับซ้อน โดย Search Engine จะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ภายใน Keyword นั้นเพื่อนำเสนอผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
ซึ่งการทำความเข้าใจหลักของ Search Term จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการทำ SEO เพราะเป็นตัวกำหนดว่าเว็บไซต์ของคุณจะปรากฏในหน้าผลการค้นหา (SERP) ของเครื่องมือค้นหาสำหรับคำค้นหา (Keyword) ใดบ้าง
Search Term vs. Keyword แตกต่างกันอย่างไร ?
สำหรับใครที่สงสัยว่าแล้วแบบนี้ Search Term มีความแตกต่างกับคำว่า Keyword อย่างไร เพราะถ้าอ่านผ่าน ๆ จะรู้สึกได้เลยว่า 2 คำนี้มีความก้ำกึ่งคล้ายกันอยู่ แต่ความเป็นจริงแล้วทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ถ้าจะให้อธิบายความหมายแบบเข้าใจง่ายที่สุด Search Term คือ “สิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา”
ส่วน Keyword คือ “สิ่งที่คนทำ SEO คิดว่าผู้ใช้จะค้นหา”
อธิบายเพิ่มเติม ทั้ง Search Term และ Keyword มีส่วนที่เหมือนกันอยู่คือทั้งคู่ เป็นคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการและทั้งสองส่งผลต่อการทำ SEO และการจัดอันดับในผลการค้นหา สามารถใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในการค้นหาข้อมูลหรือหาเว็บไซต์บน Search Engine ได้
แต่ถ้าเปรียบเทียบความแตกต่างแบบชัด ๆ จะสามารถแบ่งความแตกต่างของทั้ง Search Term และ Keyword ออกได้ดังนี้
Search Term
- เป็นคำที่มาจากผู้ใช้ เป็นคำหรือวลีที่ผู้ใช้ป้อนลงในช่องค้นหาจริง ๆ
- มักมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า Keyword เนื่องจากเป็นคำที่ผู้ใช้ใช้ค้นหาจริง ๆ เช่น “สูตรผัดพริกแกงแบบโบราณ”
- มีความหลากหลายมากมาย อาจมีการสะกดผิด หรือเป็นประโยคคำถาม เช่น “สูตรผัดพริกแกงแบบโบราณ”, “ทำผัดพริกแกงยังไงให้อร่อย”
- เป็นคำค้นหาที่แสดงถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้ใช้ เช่น “วิธีแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็น” “ลงโปรแกรมไลน์ มือถือ Samsung”
Keyword
- มาจากการทำ Keyword Research เป็นคำหรือวลีที่คาดว่าผู้ใช้จะค้นหา และใส่ลงไปในเว็บไซต์เพื่อทำ SEO หรือแคมเปญโฆษณาเพื่อทำ Paid Search Marketing
- มักกว้างกว่า Search Term เนื่องจากผู้ทำ SEO ต้องคาดคะเนความต้องการของผู้ใช้ เช่น “สูตรผัดพริกแกง”
- มักได้รับการคัดเลือกและปรับแต่งก่อนนำไปใช้ เช่น “สูตรผัดพริกแกง”, “วิธีทำพริกแกงโบราณ”
ทำไม Search Term ถึงสำคัญสำหรับ SEO และ PPC ?
Search Term มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้ง Search Engine Optimization (SEO) และ PPC (Pay-Per-Click) เนื่องจากเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้ที่กำลังค้นหาข้อมูลและเว็บไซต์ของคุณ โดยสำหรับการทำ SEO นั้น Search Term ถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่คุณต้องศึกษาก่อนลงมือทำ
ช่วยกำหนดทิศทางการทำ SEO
การเช็ก Search Term นั้นช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้คนค้นหาและเข้ามาเจอเว็บไซต์ของคุณด้วย Keyword อะไรมากที่สุด ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อเลือก Keyword ที่เหมาะสม นำไปปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์และสร้างกลยุทธ์ SEO ที่ตรงเป้าหมาย
ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์
Search Engine อย่าง Google จะพิจารณาความเกี่ยวข้องของเนื้อหาบนเว็บไซต์กับ Search Term ที่ผู้ใช้ได้ทำการเสิร์ช หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาหรือ Content ส่วนใดที่ตรงกับ Search Term ที่ผู้คนค้นหาบ่อย ๆ ก็มีโอกาสปรากฏในอันดับต้น ๆ ของหน้าผลการค้นหา (SERP) ซึ่งดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น โดยความรู้เพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่นี่ Search Engine คือ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำ Content Marketing
การวิเคราะห์ Search Term ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการและปัญหาของผู้ใช้ คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้นโดยตรง ซึ่งการทำสิ่งนี้จะสามารถช่วยเพิ่มได้ทั้ง Engagement บนหน้าเว็บไซต์และ Conversion Rate ที่สามารถสร้างยอดขายให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณได้
ในส่วนถัดมาสำหรับการทำ Paid Search Marketing หรือ PPC (Pay-Per-Click) การเช็ก Search Term ของเว็บไซต์ก็จะช่วยให้คุณสามารถ Conversion Optimize ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดูข้อมูล Search Term ในหลังบ้านของ Google Ads
แล้วนำ Search Term แต่ละคำมาวิเคราะห์ว่ามีคำไหนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ หรือคำไหนที่โฆษณาแล้วมี Conversion สูงสุดในแคมเปญโฆษณาของ Google Ads เมื่อเราได้ข้อมูลของ Search Term ที่สามารถนำมา Optimize ได้ ก็จะนำมาปรับแต่งให้เข้ากับรูปแบบของการโฆษณาต่อไป
นอกจากนั้น Search Term ยังมีความสำคัญกับการทำโฆษณาแบบ PPC อีกดังนี้
กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
การค้นหา Search Term ของเว็บไซต์เพื่อเขียนบทความ SEO ช่วยให้คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้โฆษณาของคุณปรากฏเฉพาะกับผู้ที่กำลังค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและเพิ่มผลตอบแทนจากการทำโฆษณาแบบ Paid Search Marketing ได้
ปรับแต่งข้อความโฆษณาทั้งใน Title และ Description
หลังจากที่ได้รู้ว่า Search Term หรือคำที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาแล้วมาเจอเว็บไซต์ของคุณมากที่สุดนั้นเป็นคำว่าอะไร ก็นำ Keyword นั้นปรับแต่งข้อความโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ทำให้โฆษณาดูโดดเด่นและมีอัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ (Click) ได้สูงขึ้นทั้งในส่วนของ Title Tags และ Meta Description ของโฆษณา โดย
ติดตามผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ
คุณสามารถใช้ Search Term เพื่อติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณาแบบ Pay-Per-Click (PPC) ในการวิเคราะห์ว่า Keyword ใดที่ทำงานได้ดี มีคนกดเข้ามายังเว็บไซต์ได้มากที่สุด ช่วยให้คุณปรับปรุงแคมเปญและเพิ่มประสิทธิภาพในแคมเปญถัดไป หรือได้สมมติฐานใหม่ ๆ ในการทำโฆษณาแบบ PPC ในอนาคต
วิธีการหา Search Terms ทำได้อย่างไร?
สำหรับวิธีการหา Search Term นั้นสามารถทำได้ด้วยการใช้เครื่องมือฟรีทั้งของ Google เช่น Google Search Console, Google Ads หรือใช้เครื่องมือจำพวก Keyword Research Tools เช่น Ahrefs, SEMRushs ฯลฯ โดยเครื่องมือที่สามารถใช้ค้นหา Search Terms ได้มีดังนี้
- Google Search Console (ใช้ฟีเจอร์ Search Result > Queries)
- Google Ads (ใช้ฟีเจอร์ Search Term Report)
- Google Trends
- SEMRush (ใช้ฟีเจอร์ Keyword Gap หรือ Keyword Magic Tools)
- Ahrefs
- MOZ (ใช้ฟีเจอร์ Keywords Explorer)
Search Term กับ Search Intent เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?
Search Term และ Search Intent หรือบริบทในการค้นหานั้น มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ ถึงแม้ว่าความหมายตรง ๆ จะไม่เหมือนกัน โดย Search Term คือคำหรือวลีที่ผู้ใช้ป้อนลงในช่องค้นหาของเครื่องมือค้นหา ส่วน Search Intent คือเหตุผลหรือแรงจูงใจเบื้องหลังการค้นหานั้น ซึ่งถ้าอธิบายความหมายของทั้ง 2 อย่างเราจะสังเกตได้เลยว่า
Search Term คือสิ่งบ่งบอกความต้องการเบื้องต้นของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ค้นหาคำว่า “สูตรทำกาแฟสดคาปูชิโน่” แสดงว่าพวกเขาต้องการสูตรในการชงกาแฟคาปูชิโน ส่วนผู้ใช้ที่ค้นหาคำว่า “รีวิว iPhone 15” แสดงว่าพวกเขาต้องการอ่านรีวิวเกี่ยวกับ iPhone 15
แต่ Search Intent จะบอกความหมายว่า “ทำไม” ผู้ใช้ค้นหาคำนั้น (ซึ่งมีความลงดีเทลกว่า Search Term) ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ค้นหาคำว่า “สูตรชงกาแฟสดคาปูชิโน” อาจต้องการสูตรที่อร่อย ทำง่าย หรือหาสูตรที่จะเอาไปขาย ส่วนผู้ใช้ที่ค้นหาคำว่า “รีวิว iPhone 15” อาจอยากรู้ข้อดีข้อเสีย ก่อนตัดสินใจซื้อ หรือต้องการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ใช้
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า Search Term และ Search Intent เชื่อมโยงกันอยู่ โดย Search Term เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้เข้าใจ Search Intent ของผู้ใช้ได้ดีขึ้น
ดังนั้นการทำความเข้าใจ Search Intent มีความสำคัญต่อการทำ SEO และ PPC เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้สร้างเนื้อหาหรือโฆษณาที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของผู้ใช้ ส่งผลให้เว็บไซต์หรือโฆษณาได้รับการคลิกและดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ด้วยเว็บไซต์
สรุป
การทำความเข้าใจ Search Term คือ ส่วนหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการทำ SEO ที่คุณต้องรู้ หากต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหาและดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น เพราะจะทำให้คุณได้รู้ว่าการที่เว็บไซต์ของคุณมี Traffic เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการที่ผู้คนกดเข้ามาด้วย Keyword รูปแบบใด เพื่อจะได้นำ Keyword เหล่านั้นไปปรับใช้กับ Heading Tag ในการทำ SEO ของคุณต่อไป เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาได้