Home - SEO - Martech เครื่องมือที่จะช่วยให้ Marketing ง่ายขึ้นและปังขึ้น

Martech เครื่องมือที่จะช่วยให้ Marketing ง่ายขึ้นและปังขึ้น

Martech เครื่องมือที่จะช่วยให้ Marketing ง่ายขึ้นและปังขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้ โลกเราเคลื่อนที่ไปด้วยพลังของเทคโนโลยีจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) อย่าง Facebook, YouTube TikTok และ Twitter การใช้อวัยวะเทียมในวงการแพทย์ และในวงการ Marketing ก็เช่นกันที่เรามี เทคโนโลยีทางการตลาด หลายตัวเข้ามาช่วยในการริหาร จัดการงานด้านการตลาดต่าง ๆ และเทคโนโลยีการตลาดนั้นเราจะเรียกย่อ ๆ ว่า martech ซึ่งเราจะพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้

Martech เครื่องมือที่จะช่วยให้ Marketing ง่ายขึ้นและปังขึ้น

ทำความรู้จักกับ Martech (Marketing Technology) 

Martech หรือ marketing technology คือ เครื่องมือทางออนไลน์ที่นักการตลาดนำมาใช้เพื่อดำเนินงาน, เพิ่มประสิทธิภาพ, วิเคราะห์, วัดผลและอื่น ๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการตลาด โดยเครื่องมือตัวนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของนักการตลาดให้ง่ายขึ้น, แม่นยำขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ซึ่งหน้าที่ของ martech จะเน้นไปที่การเข้าถึงลูกค้า การโฆษณา และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด เพื่อช่วยให้นักการตลาดนำสิ่งเหล่านี้ มาทำให้แคมเปญการตลาดหรือตัวบริษัทประสบความสำเร็จอธิบายง่าย ๆ martech คือ เครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดทำงานง่ายขึ้น นั้นเอง

โดยที่ martech นั้น จะต่างจาก adtech ตรงที่ว่า adtech ใช้เพื่อดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ “โฆษณา” เท่านั้น แต่ martech ใช้เพื่ดำเนินงานทาง “การตลาดอื่น ๆ ทั้งหมด” ซึ่งการโฆษณาถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตลาดเท่านั้น

ทำไมนักการตลาดส่วนให้ ถึงให้ความสำคัญ กับ Martech

martech ถือเป็นเครื่องมือที่นักการตลาดส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ต้องให้ความสำคัญ แต่จะเป็นเพราะอะไรนั้นเราไปดูกัน

1. ช่วยจัดการพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

Martech ช่วยจัดการพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เทคโนโลยีทางการตลาด นั้นมีบทบาทกับการทำการตลาดในปัจจุบันมากเพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีมากมายหลายแบบ เช่น ผู้บริโภคใช้เงินดิจิทัลมากขึ้นกว่าเงินสด, ผู้บริโภคมองหาโปรโมชั่นการช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ตรงกับความต้องการ, การมาถึงของ Mataverse และ AI

ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวไปสามารถนำ Martech มาช่วยสร้างแคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการและตรงกับผู้บริโภคเป้าหมายได้มากขึ้น

2. ช่วยจัดการข้อมูลและวางแผน

Martech ช่วยจัดการข้อมูลและวางแผน

ข้อมูลบนโลกออนไลน์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ นั้น มีมากมายมหาศาล Martech นั้นจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้น ให้แก่นักการตลาด เพื่อให้พวกเขาเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมาย และสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างตรงเป้า

3. ช่วยให้นักการตลาดมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

Martech ช่วยให้นักการตลาดมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

การเข้ามาของ Martech นั้น ออกแบบมาให้ช่วยลดความลำบากของนักการตลาดโดยตรง เช่นอย่างที่กล่าวไปคือการช่วยจัดการข้อมูล หรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ทำให้นักการตลาดสามารถเอาเวลาไปสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดดี ๆ หรือทำให้งานของนักการตลาดน้อยลง

ประเภทของ Martech 

Martech นั้นมีหลากหลายแบบ ซึ่งถ้าเราจัดประเภทตามด้านเทคโนโลยีการตลาดจะมีดังนี้

  • การจัดการ (Management) Martech ประเภทนี้จะช่วยจัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการใช้ให้เป็นระบบระเบียบ ช่วยให้นักการตลาดหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายและเร็วมากขึ้น
  • การเพิ่มประสิทธิภาพทางสังคม (Social Optimization) marketing technology ประเภทนี้จะช่วยให้เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การเข้าถึงแคมเปญ (Campaign Reach) technology for marketing ประเภทนี้จะช่วยให้แคมเปญที่ออกแบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงเป้า
  • การสร้างข้อมูลเชิงลึก (Insight Generation) Martech ประเภทนี้จะช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของสิ่งที่นักการตลาดต้องการทราบ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือประสิทธิภาพแคมเปญ

แต่ถ้าหากจะแบ่งประเภทของ Martech ตามการทำงานละก็ สามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ใช้เพื่อการโฆษณา (Advertising) ช่วยให้นักการตลาดโฆษณาได้เข้าถึงผู้บริโภค, สร้างโฆษณา และประชาสัมพันธ์บริษัทได้ดียิ่งขึ้น เช่น Video Advertising และ Display Advertising
  • ใช้สร้างคอนเทนต์ (Content) ช่วยบริษัทจัดการเนื้อหาและสื่อต่าง ๆ ให้การค้นหา สร้าง ตรวจสอบ และแก้ไขเนื้อหาง่ายขึ้น เช่น Email Marketing และ SEO
  • ใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค (Relationships) ช่วยจัดการระบบลูกค้าสัมพันธ์ ให้บริษัทเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Customer Experience Service และ Community and Review
  • ใช้ด้านการขาย (Sales) ช่วยดูแลการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ บนออนไลน์ เช่น eCommerce Marketing และ Sales Automation Enablement
  • ใช้วิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ช่วยติดตาม ตรวจสอบ และรายงานข้อมูลต่าง ๆ เพื่อวัดผลของกิจกรรมทางการตลาดทางสื่อช่องทางต่าง ๆ เช่น Marketing Data and Data Enhancement และ Customer Intelligence and Data Science

Martech Marketing Technology ส่งผลกระทบกับใคร

Martech มีผลกระทบกับแทบทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตลาด ตั้งแต่บริษัทประเภท Startup เพราะ Martech จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตได้ด้วยการตลาดที่ดี นักตลาด, Digital agency และ Digital Consultant เนื่องจากเทคโนโลยีทางการตลาดนี้ สามารถช่วยให้ทำงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและแม่นยำมากขึ้น ที่สำคัญช่วยให้สร้างแคมเปญได้ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากขึ้น 

แนะนำ Martech Tools ที่น่าสนใจ 

1. Google Search Console 

Google Search Console
https://clickdimensions.com/marketing/how-to-use-google-search-console-to-improve-your-search-ranking/

Google Search Console หนึ่งใน Martech Tools ที่จะช่วยให้ตรวจสอบและดูแลเว็บไซต์ คอยแจ้งเตือนเมื่อเว็บมีปัญหา นอกจากนี้หน้าที่สำคัญของมันคือจะช่วยให้หน้าเว็บไซต์ของเราปรากฏบนหน้าการค้นหาของผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยการอัปเดตข้อมูลรวมถึง Keyword ต่าง ๆ ที่ติดอันดับ SEO ในเว็บไซต์ให้มีโอกาสปรากฏมากขึ้น ที่สำคัญใช้ฟรีด้วย 

2. Google Analytics

Google Analytics
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Logo_Google_Analytics.svg

Google Analytics นั้นเป็น Martech ของ google อีกตัวซึ่งเป็นที่นิยม ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซด์และแสดงผลแบบ Dashboard ซึ่งเหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นเป็นของตัวเอง โดยข้อมูลจาก Google Analytics นั้นมีหลากหลายด้านมาก ตั้งแต่ คนเข้ามาที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นจากช่องทางไหน กลุ่มเป้าหมายที่มาดูมีใครบ้าง เพื่อให้นักการตลาดสามารถคิดแคมเปญออกมาได้ ที่สำคัญใช้ฟรีอีกด้วย

3. Leadfeeder.com

Leadfeeder.com
https://www.trustradius.com/products/leadfeeder/reviews

Leadfeeder.com คือ Martech ที่ทำหน้าที่ตรวจจับผู้เข้าชมเว็บไซต์ c]tแสดงข้อมูลให้เราเห็นว่า ผู้ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรามาจากช่องทางไหน โดยติดตามจาก IP Address หรือ Email ของผู้ใช้งาน เพื่อบอกเราเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ของผู้ใช้งานว่าเป็นอย่างไร ทำงานอะไร สนใจเรื่องอะไร เพื่อที่เราจะสามารถคิดแผนการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น ทำการยิงแอดโฆษณาให้แม่นยำ หรือส่งอีเมลข่าวสารไปให้กลุ่มเป้าหมายโดยตรงได้

4. Facebook Business Suite 

Facebook Business Suite
https://www.facebook.com/centerssocial/photos/a.111450709222166/1660748250959063/?type=3

Facebook Business Suite ซึ่งแต่ก่อนหลายคนน่าจะคุ้นเคยในชื่อ Facebook Business Manager เป็น Martech Tools ที่ช่วยให้นักการตลาดที่ดูแลหน้าเพจ Facebook รวมทั้ง Instagram จัดการเกี่ยวกับโพสต์และรูปภาพได้ในที่เดียว ทั้งการสร้างโพสต์ กำหนดเวลาโพสต์ ดูข้อความ ดู Comment นอกจากนี้ยังแสดงข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาดูเพจของเราในเชิงลึก เช่น เพศ อายุ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เรา นำไปพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้ดียิ่งขึ้นได้ และยังถือเป็นเครื่องมือที่ใช้ง่ายและไม่ต้องเสียเงินเนื่องจากมันเป็นบริการที่ทาง Facebook มีให้กับผู้ใช้ทุกคนที่มีเพจหรือ IG เป็นของตัวเองอยู่แล้วด้วย

5. Google Optimize 

Google Optimize
https://rockcontent.com/blog/what-is-google-optimize/

และ Martech Tools ตัวสุดท้ายที่จะแนะนำคือ Google Optimize อีกหนึ่ง Martech จาก Google ที่ซึ่งใช้งานได้ฟรี โดยมีหน้าที่ให้แอดมิน เห็นข้อมูลที่จะช่วยรับปรุงหน้าตาเว็บไซต์ และ Application ให้น่าใช้มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่บน Platform ของเรานานขึ้น ซึ่งก็ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสใช้สินค้าและบริการที่แสดงอยู่บนเว็บหรือ App. ของเราได้มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ Google Optimize ยังทำงานร่วมกับ Martech Tools ตัวอื่น ๆ ของ Google อย่าง Google Analytics ได้ และเช่นเคยใช้ฟรีอีกด้วย

สรุป 

โดยสรุป Martech ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ และนักการตลาดทำงานได้สะดวกและได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น แต่เราจำเป็นต้องศึกษาเครื่องมือเหล่านั้นให้เข้าใจ ใช้งานให้ถูกประเภท และ เข้าใจเป้าหมายในการใช้งาน เพื่อให้ Martech ช่วยแบ่งเบางานต่าง ๆ ในด้านการตลาดลงไป แต่ยังมีประสิทธิภาพ

ผู้เขียน

Picture of NerdOptimize Team
NerdOptimize Team
Tag:

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

Customer Journey คือ ? แล้วจะช่วยให้คุณวางแผนโฆษณาได้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง !!

Customer Journey คือ เส้นทางการเดินทางของลูกค้าก่อนที่พวกเขาจะกลายมาเป็นลูกค้าของธุรกิจเรา อธิบายง่ายๆคือ กว่าที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือบริการของเรานั้น เขาต้องพอเจออะไรมาบ้าง เช่น Banner A, Banner B, Review อันนั้น, Review อันนี้, ก่อนจะมาซื้อสินค้าหรือบริการของเรา มันก็เหมือนการโดนบิ้วให้อยากได้มาเรื่อยๆก่อนที่จะปิดการขายนั่นเอง

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top