Home - SEO - การเขียนโฆษณาสินค้าให้น่าอ่าน น่าคลิกมีเทคนิคยังไง [ดูตัวอย่าง]

การเขียนโฆษณาสินค้าให้น่าอ่าน น่าคลิกมีเทคนิคยังไง [ดูตัวอย่าง]

การเขียนโฆษณาสินค้าให้น่าอ่าน น่าคลิกมีเทคนิคยังไง

ทุกวันนี้คุณใช้เทคนิคอะไรในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่รู้จักคุณหรืออาจจะรู้จักคุณแล้ว แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นลูกค้าบ้างครับ? หลายคนอาจจะใช้โซเชียลมีเดีย หรือทำ SEO เพื่อหาลูกค้า แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะต้องใช้เวลาในการสร้างฐานคนให้รู้จัก หรือทำอันดับบนหน้า Google จึงจะทำให้ได้ Traffic จำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนให้คนที่เข้ามาหาคุณกลายเป็นลูกค้าได้ 

ดังนั้น คุณจึงต้องพึ่งพาวิธีการทำโฆษณาสินค้า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และแน่นอนว่า หัวใจของการทำโฆษณาก็ต้องเป็นการเขียนโฆษณาสินค้าที่ไม่ว่าจะเป็นคนทำคอนเทนต์ ยิงแอด หรือทำเว็บไซต์จะต้องศึกษาว่าควรจะเขียนอย่างไรให้น่าอ่าน น่าคลิก เพื่อให้คุ้มค่ากับ Cost ที่เสียไป 

ทำไมการเขียนโฆษณาถึงมีความสำคัญกับธุรกิจในยุคปัจจุบัน

ทำไมการเขียนโฆษณาถึงมีความสำคัญกับธุรกิจในยุคปัจจุบัน

ที่มาภาพ: medium.com

  • การเขียนโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารแบรนด์

หากคุณต้องการให้คนรู้จักแบรนด์ รู้ว่าธุรกิจทำอะไร ขายสินค้าหรือบริการอะไรบ้าง รวมถึงแบรนด์มีวิสัยทัศน์ มีความเชื่อ และมีคติอะไรที่ยึดถือ ก็ต้องใช้การเขียนโฆษณาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารแบรนด์ ทำให้แบรนด์ของคุณถูกจดจำ ตระหนักถึงการมีอยู่ของแบรนด์ รวมทั้งซึมซับคุณค่าที่ทำให้แบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาดได้มากยิ่งขึ้น

  • การเขียนโฆษณาเพื่อช่วยในการทำให้เกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการ

ในยุคปัจจุบันนี้ทุกธุรกิจมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีสินค้าและบริการที่คล้ายคลึงกันในตลาดอยู่มากมาย การที่คุณจะดูโดดเด่นและดึงดูดความสนใจก็ต้องใช้วิธีการเขียนโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness), ช่วยในการพิจารณาซื้อสินค้า (Consideraion) และช่วยในการตัดสินใจซื้อ (Decision) ให้กับธุรกิจได้ครบทุกมิติผ่านช่องทางการโฆษณาที่มีหลากหลายมากกว่าแต่ก่อน เช่น การขึ้นโฆษณาสินค้าในแอปพลิเคชัน การขึ้นโฆษณาในแบนเนอร์บนเว็บไซต์ ฯลฯ ทำให้ผลลัพธ์ของการในแต่ละช่องทางเหนือกว่าคู่แข่งได้มากกว่าที่เคย

  • การเขียนโฆษณาช่วยให้ทีมงานฝ่ายขายทำงานได้ง่ายมากขึ้น

เพราะการเขียนโฆษณาสินค้าที่สามารถอธิบายถึงสินค้าและบริการได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด จะช่วยให้การทำงานของฝ่ายขายที่จะต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าเพื่อปิดดีลทำได้ง่ายมากขึ้น เพราะลูกค้าได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเขามากพอที่จะตัดสินใจซื้อได้แล้ว โดยที่ทีมขายไม่จำเป็นต้องยัดเยียดการขายสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมเลย

  • การเขียนโฆษณาที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มยอดขาย

โดยปกติแล้วการเขียนโฆษณาที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเข้าใจวิธีการเขียนโฆษณาที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มเข้าไปด้วยก็จะยิ่งจะทำให้โฆษณาทำงานได้ดี และช่วย Convert ผู้ที่สนใจกลายเป็นกลุ่มลูกค้าได้จริง ยกตัวอย่างเช่น การเขียนโฆษณาสินค้าออนไลน์ เพื่อใช้ในการยิงแอด Facebook หากคุณเข้าใจว่าแคมเปญการยิงแอดนั้นทำงานอย่างไร รวมถึงการเลือกกลุ่ม Target ในการยิงแอดนั้นมีเทคนิคอย่างไรบ้าง ก็จะช่วยทำให้รูปแบบการเขียนโฆษณานั้นมีความตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการได้มากขึ้น และปิดการขายได้มากขึ้น

หลักการเขียนโฆษณาที่ดีมีอะไรบ้าง 

หากต้องการเขียนโฆษณาที่ดีควรที่จะโฟกัสในหลักการเขียน ดังต่อไปนี้

  1. การเขียนโฆษณาที่ดีต้องมีความชัดเจน

การเขียนโฆษณาที่ดีควรมีความชัดเจนในด้านการใช้คำ ไม่ใช้ประโยคกำกวมที่ให้เกิดการเข้าใจผิด ทุกครั้งที่เขียนโฆษณาจึงควรตรวจสอบว่า การเขียน Copywriting ของคุณนั้นทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจว่าอย่างไร 

หลักการเขียนโฆษณาที่ดีมีอะไรบ้าง การเขียนโฆษณาที่ดีต้องมีความชัดเจน

ที่มาภาพ: www.oknation.net

ยกตัวอย่าง ป้ายโฆษณาข้างทางของโครงการอสังหาริมทรัพย์เจ้าหนึ่งที่เขียนโฆษณาว่า “เห็นแล้วอยากถีบ” ซึ่งจริงๆ แล้ว ทางธุรกิจต้องการที่จะเขียนคำโฆษณาที่เชื่อมโยงไปยัง Facilities ของโครงการที่มีนั่นคือ การมีเลนจักรยาน S-Curve แต่เมื่อคนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นโฆษณาตัวนี้อาจจะต้องตีความว่า เห็นแล้วอยากถีบหมายถึงอะไร และจะสื่ออะไร เนื่องจากเป็นประโยคกำกวมที่ชวนให้คิดไปได้หลายทาง

  1. การเขียนโฆษณาสินค้าต้องมีความถูกต้องและไม่เกินจริง

ความถูกต้องในที่นี้จะต้องถูกต้องทั้งในด้านการใช้ภาษา การสะกดคำ ไปจนถึงความถูกต้องของเนื้อหาที่นำมาใช้ในการโฆษณา โดยเฉพาะการเขียนโฆษณาในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตที่อาจจะกระทบกับสุขภาพ การเงิน การงาน ฯลฯ ซึ่งไม่ควรที่จะเขียนโฆษณาเชิญชวนที่เกินจริง เพราะจะทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดได้ รวมถึงในการยิงแอดตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ เองก็ไม่อนุญาตให้ใช้คำโฆษณาเกินจริงเหล่านี้ในการเขียนโฆษณาเพื่อทำการยิงแอดด้วย 

  1. การเขียนโฆษณาสินค้าต้องดึงดูดความสนใจ

การเขียนโฆษณาสินค้าจะต้องสั้น กระชับ ได้ใจความ ในขณะเดียวกันก็ต้องดึงดูดความสนใจของคนที่พบเห็นได้ในทันทีโดยไม่ต้องใช้คำเยิ่นเย้อ (ยกเว้นในกรณีที่คุณขายสินค้าหรือบริการที่มีรายละเอียดมาก และกลุ่มผู้ซื้อต้องใช้ข้อมูลในการพิจารณาสูง ก็อาจจะต้องเขียนคำโฆษณาที่อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย เช่นการเขียนโฆษณาสินค้าในกลุ่มธุรกิจ B2B เป็นต้น)

  1. ใช้ลักษณะภาษาที่เหมาะสม

อย่างที่เรารู้กันว่า ภาษาไทยมีระดับภาษาให้เลือกใช้ตั้งแต่ระดับภาษาสนทนาไปจนถึงภาษาทางการ แน่นอนว่า คุณจะต้องเลือกลักษณะภาษาที่นำมาใช้เขียนโฆษณาให้ตรงกับประเภทของสินค้าหรือบริการ รวมถึงตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายของคุณคือ เด็ก การเลือกเขียนคำโฆษณาก็ควรที่จะเป็นลักษณะภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องตีความ อาจจะเป็นภาษาปากทั่วๆ ไป แทนที่จะเน้นความสละสลวยที่ทำให้เด็กไม่เข้าใจ

ศิลปะการเขียนโฆษณาที่น่าสนใจและทรงพลัง

เขียนโฆษณาในรูปแบบ Storytelling ที่น่าสนใจและน่าจดจำ

Storytelling คือ การเขียนโฆษณาในรูปแบบของการ PR หรือประชาสัมพันธ์แบรนด์ ในสิ่งที่แบรนด์อยากบอกเล่าหรืออยากจะบอกว่าแบรนด์กำลังจะทำอะไร ด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามและตราตรึงใจ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ส่วนเทคนิคที่ใช้ในการเขียนโฆษณาแบบ Storytelling ก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น

  • การเล่าเรื่องแบบ Hero’s journey : การเขียนโฆษณาด้วยการเปลี่ยนลูกค้าให้เป็นตัวเอกของเรื่องราว แล้วเดินทางไปสู่การแก้ปัญหา เอาชนะการทดลอง และกลับมาพร้อมกับรางวัล (ผลิตภัณฑ์/บริการของคุณ) เพื่อทำให้สิ่งที่แบรนด์เล่าดูเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • การเล่าเรื่องที่เน้นอารมณ์ : การเขียนโฆษณาโดยใช้อารมณ์ของมนุษย์เข้ามามีส่วนร่วม เช่น ความสงสาร ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความประหลาดใจ ฯลฯ โดยโฆษณารูปแบบนี้จะทำให้เกิด Engagement สูง เพราะคนมีอารมณ์ร่วมมาก

เขียนโฆษณาเพื่อสร้าง Wow Experience

Wow Experience คือ การสร้างประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย หรือช่วยแก้ไขความกังวลในระดับปัจเจกบุคคลได้ดี เช่น คุณเข้าพักโรงแรม 4 ดาวแต่ได้รับการบริการได้ในระดับ 5 ดาว แบบนี้คือการได้รับการบริการที่ประทับใจมากกว่าที่คิด จึงก่อให้เกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมายออกมา หากพูดในแง่การเขียนโฆษณาก็อย่างเช่น การที่คุณใช้ระบบ Automation ส่งอีเมลพิเศษไปให้ลูกค้าที่คุณรู้อยู่แล้วว่า เขามีความต้องการอยากได้สินค้าบางอย่างของคุณอยู่ พร้อมแนบส่วนลดที่ไม่ธรรมดาไปให้ด้วยเทคนิคการเขียนที่อาจจะเล่าในรูปแบบภาษาที่เป็นกันเอง และเป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง 

กลยุทธ์และเทคนิคในการเขียนโฆษณาที่ควรรู้

หัวข้อต่อมาจะเป็นเรื่องของกลยุทธ์และเทคนิคในการเขียนโฆษณาที่ควรรู้ ซึ่งเป็นเหมือนเคล็ดลับสำหรับคนทำแอด หรือทำคอนเทนต์ที่สามารถหยิบไปใช้งานในการเขียนคำโฆษณาสินค้าได้ โดยจะมีเทคนิคที่น่าสนใจ ดังนี้

การวางแผนทำโฆษณาด้วยการใช้ SEO

SEO เป็นเทคนิคการทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง โดยจะเน้นการทำ Keyword Research เพื่อค้นหา Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานบน Search Engine แล้วดูว่าคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมี Search Intent อย่างไร เพื่อที่จะได้ทำ SEO ที่ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาในเว็บไซต์ของคุณ หลังจากนั้นคุณลองแทรกโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเข้าไปในบทความนั้นๆ ที่ติดอันดับบนหน้า Google ไปแล้ว อย่างเช่น การทำแบนเบอร์ หรือการทำ CTA (Call-to-action) เอาไว้ในหน้านั้นๆ เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้าหรือบริการเอาไว้ด้วย

กลยุทธ์และเทคนิคในการเขียนโฆษณาที่ควรรู้ การวางแผนทำโฆษณาด้วยการใช้ SEO

ตัวอย่างแบนเนอร์บนหน้าเว็บไซต์ของ NerdOptimize 

การเขียนโฆษณาในหัวข้อที่น่าสนใจ

หัวข้อของการเขียนโฆษณา ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นเหมือนสิ่งแรกที่ดึงดูดให้คนหยุดดูโฆษณาของคุณ ซึ่งก็มีเคล็ดลับในการเขียนโฆษณาที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนี้

  • ใช้ตัวเลข

การตั้งหัวข้อให้คนสนใจ วิธีแรกคือ การใช้ตัวเลขในการตั้งเป็นชื่อหัวข้อของการเขียนโฆษณาสินค้า เพราะตัวเลขเป็นเหมือนตัวดึงดูดความสนใจให้คนเห็นว่ามีรายละเอียดที่มากกว่า 1 อย่างให้อ่าน พร้อมชวนให้คนอ่านสงสัยว่า ภายใต้จำนวนตัวเลขที่ว่านั้นมีอะไรซ่อนอยู่

  • ใส่คำที่เชิญชวนให้หยุดดู

การใช้คำเป็นศาสตร์ที่ช่วยทำให้การเขียนโฆษณาสินค้าดูน่าสนใจมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะใช้เทคนิคคำคล้องจองในการเขียน เพื่อทำให้คนจดจำและทำให้กลายเป็นคำติดหูคู่กับแบรนด์ไปเลยทีเดียว เช่น อร่อย สะอาด ปราศจากชูรส, อร่อยติดใจ ปลอดภัยทุกคำ, ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย ฯลฯ หรืออาจจะใช้คำเกริ่นนำที่ดูฮุคคนให้หยุดดู เช่น แจก! ประหยัด! คัดมาแล้ว! ขายดี! เป็นต้น 

  • ใช้เทคนิค Scarcity Marketing ในการเขียน

Scarcity Marketing เป็นเทคนิคที่ทำให้คนรู้สึกว่ากลัวที่จะพลาด กลัวที่จะไม่ได้ จากการที่แคมเปญการตลาดมีการกำหนดระยะเวลาเฉพาะในการทำกิจกรรม ทำให้คนต้องรีบซื้อ โดยการเขียนโฆษณาสินค้าด้วยเทคนิคนี้จะใช้คำที่ทำให้รู้สึกว่าต้องรีบซื้อแล้ว เช่น อย่ารอช้า ของมีจำกัด หมดเขตวันที่… ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้เราจะเห็นกันบ่อยๆ ในแคมเปญของธุรกิจ E-Commerce เช่น โปรลดราคา 11.11 เป็นต้น

ใช้เทคนิค Scarcity Marketing ในการเขียน

ตัวอย่างการเขียนโฆษณาที่ใช้ Scarcity Marketing เช่น คำว่า นับถอยหลัง 7 วัน 

เลือกใช้คำที่เหมาะสมและไม่เสี่ยงต่อการโดนแบน

การเขียนโฆษณาให้ความสำคัญกับการเลือกใช้คำและการโฆษณาเกินจริงอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำโฆษณาในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ในปัจจุบันสามารถตรวจจับคำหรือข้อความที่ไม่เหมาะสมหรือเกินจริง แล้วทำการแบน หรือลดการมองเห็นโฆษณานั้นได้ ถึงแม้คุณจะจ่ายเงินเพื่อยิงแอดนั้นก็ตาม โดยคำโฆษณาที่ควรระวังนั้นจะมีอยู่หลายคำ และสามารถแบ่งออกเป็นตามกลุ่มธุรกิจได้มากมายหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น

  • ธุรกิจเสริมความงาม คำโฆษณาที่ไม่ควรใช้ เช่น เพียง, เท่านั้น, ทันสมัย, ครบวงจร, ฟรี, สวยเหมือนธรรมชาติ, เหนือกว่า, สูงกว่า, รักษาโรค…ได้, ที่แรกในประเทศไทย, สวยจริง เป็นต้น
  • ธุรกิจอาหารเสริม คำโฆษณาที่ไม่ควรใช้ เช่น อ้วน, ผอม, ระเบิดไขมัน, ลดน้ำหนัก, สลายไขมัน, เบิร์นไขมัน, หุ่นดีกว่าเดิม, การันตีผล เป็นต้น
  • ธุรกิจเครื่องสำอาง คำโฆษณาที่ไม่ควรใช้ เช่น ขาวไว, ขาวทันที, ต้านอนุมูลอิสระ, ลดรอยแดง, ลดรอยดำ, ลดสิว, รับประกัน, เห็นผล, หน้าเรียว เป็นต้น
เลือกใช้คำที่เหมาะสมและไม่เสี่ยงต่อการโดนแบน

ที่มาภาพ: www.zenbiotech.co.th

การใช้ภาพและสีในการสื่อสารความหมายของโฆษณา

นอกจากการเขียนแล้ว โฆษณาสินค้ายังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยทำให้โฆษณามีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย นั่นคือ การใช้ภาพและการใช้สีที่เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการออกแบบ ซึ่งช่วยทำให้คนที่เห็นเกิดความรู้สึกร่วม และเข้าใจสิ่งที่ธุรกิจจะสื่อความหมายให้รับรู้มากขึ้น

สำหรับการใช้สีควรที่จะเลือกใช้สีที่ช่วยในการสื่อความหมายและการเร้าอารมณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น สีแดง ให้ความรู้สึกความท้าทาย ตื่นเต้นเร้าใจ จะเหมาะสำหรับสินค้าหรือบริการที่ต้องการนำเสนอถึงความสนุก สดชื่น หรือบ่งบอกว่าชอบความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Coca Cola แต่ถ้าต้องการความรู้สึกแจ่มใส  ความสดใส  ความร่าเริง  ความเบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ก็อาจจะใช้สีเหลืองในการสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ BANANA IT

การใช้ภาพและสีในการสื่อสารความหมายของโฆษณา
การใช้ภาพและสีในการสื่อสารความหมายของโฆษณา BaNANA

ภาพก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ใช้ในการสื่อความหมายได้ดี โดยที่บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความใดๆ ลงไปเลยก็ได้ หากเลือกใช้แล้ว Impact กับสารที่ต้องการจะสื่อมากพอ

ตัวอย่างการใช้ภาพในการทำโฆษณาโดยไม่ต้องเขียนคำโฆษณา
การทำโฆษณาโดยไม่ต้องเขียนคำโฆษณา

ตัวอย่างการใช้ภาพในการทำโฆษณาโดยไม่ต้องเขียนคำโฆษณา

ตัวอย่างการเขียนโฆษณา

ตัวอย่างการเขียนโฆษณาแบบ AIDA

AIDA ย่อมาจาก Attention (ดึงความสนใจ), Interest (ทำให้สนใจอยากอ่านต่อ), Desire (ทำให้เกิดความต้องการ) และ Action (ทำให้เกิดการกระทำ) ซึ่งช่วยทำให้คุณเขียนโฆษณาได้อย่างน่าสนใจมากขึ้นได้ ดังนี้

  • Attention (ดึงความสนใจ) ด้วยการใช้วิธีการเขียนโฆษณาที่ชวนให้คนหยุดนิ้วอ่าน เช่น
    • การนำประโยชน์มาทำเป็นหัวข้อ เช่น ให้คุณใช้ชีวิตง่ายกว่าเดิม, ช่วยในการเรียนรู้และเข้าใจอย่างรวดเร็ว
    • การนำสิทธิพิเศษมาเป็นหัวข้อ เช่น ซื้อวันนี้ลด 50%, รีบซื้อก่อนปรับขึ้นราคา เป็นต้น
    • การนำปัญหาของลูกค้ามาเป็นหัวข้อ เช่น คุณเคยประสบปัญหา…หรือไม่, ปัญหา…เหล่านี้จะหมดไป เป็นต้น
  • Interest (ทำให้สนใจอยากอ่านต่อ) : ด้วยการพยายามให้ผู้บริโภคหันมาสนใจในแบรนด์ของคุณมากกว่าแบรนด์อื่น เช่น
    • นำเสนอจุดเด่นของสินค้าและการบริการ
    • ใช้บุคคลที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง
    • ใช้บุคคลที่เคยเจอปัญหาเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมายมาอ้างอิง
    • ใช้ปัญหามาเล่าในแง่มุมที่เล่นกับความกลัวมากยิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกว่าถ้าไม่สนใจจะส่งผลกระทบกับพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
  • Desire (ทำให้เกิดความต้องการ) : ทำให้เกิดความชื่นชอบต่อแบรนด์มากกว่าแค่อยากได้สินค้าหรือบริการ เช่น
    • บอกให้รู้ว่าสินค้าหรือบริการของคุณแก้ปัญหาได้ดียังไง
    • ลูกค้ามีความกังวลอะไรที่จะช่วยแก้ไขได้บ้าง
    • ตอบคำถามที่คนสงสัย ให้รู้สึกว่าธุรกิจมีความใส่ใจในการที่จะช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
  • Action (ทำให้เกิดการกระทำ) : โน้มน้าวให้เกิดการกระทำบางอย่างตามที่ธุรกิจต้องการ เช่น
    • บอกว่าสินค้ามีน้อยชิ้น มีจำนวนจำกัด
    • บอกข้อเสนอพิเศษที่มีเเค่ตอนนี้เท่านั้น
    • บอกขั้นตอนการซื้อสินค้าชัดเจนว่าทำได้อย่างไร

ตัวอย่างการเขียนโฆษณาสินค้าแบบ PAS

PAS ย่อมาจาก Problem (ปัญหา), Agitate (สิ่งกวนใจ) และ Solve (วิธีการแก้ปัญหา) เพื่อระบุปัญหา ขยี้ปัญหา และปิดท้ายด้วยการแก้ไขปัญหาที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพ ยกตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจครีมทาหน้า แล้วพบว่ากลุ่มเป้าหมายมีปัญหาหน้าหมองคล้ำ ก็อาจจะใช้เทคนิค PAS ในการเขียน เช่น

  •  Problem (ปัญหา) = หน้าหมองเหมือนนอนไม่พอ
  • Agitate (สิ่งกวนใจ) = ยิ่งส่องกระจกยิ่งไม่มั่นใจ
  • Solve (วิธีการแก้ปัญหา) บำรุงด่วนด้วยครีมทาหน้าสูตร xxx

ตัวอย่างการเขียนโฆษณาแบบ Before – After – Bridge

Before – After – Bridge คือ เทคนิคการเขียนที่เหมาะสำหรับการเกริ่นขึ้นต้นการเขียนขายเพื่อดึงดูดใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยที่ Before จะเป็นการดึงปัญหาขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจ หลังจากนั้นเป็น After หมายถึงการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณจะดียังไง ส่วน Bridge จะเป็นการบอกว่าจะแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ก็ต้องใช้สินค้าหรือบริการของคุณนั่นเอง

  • Before = เคยไหม ใช้เวลาในการซักผ้าก็นานตากผ้าก็นาน แถมฝนยังมาตกอีก
  • After = แล้วถ้าเปลี่ยนการซักผ้าให้แห้งพร้อมใส่ได้ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะดีกว่าไหม
  • Bridge = ทำได้ง่ายๆ ด้วยเครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบผ้า ประหยัดแรงในการซักและตากใน 3 ขั้นตอน

สรุปการเขียนโฆษณาสินค้าคืออะไร ช่วยธุรกิจอย่างไร

การเขียนโฆษณาสินค้า คือ อีกหนึ่งกลยุทธ์การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักไปจนถึงตัดสินใจซื้อสินค้า หรือจะกลายเป็นลูกค้าประจำที่ซื้อสินค้าของคุณซ้ำๆ แต่การที่จะทำให้การเขียนโฆษณามีประสิทธิภาพนั้นจะต้องพึ่งพาหลายองค์ประกอบทั้งความเข้าใจในด้านการเขียน การใช้ภาษา ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และการทำความเข้าใจหลักการเล่าเรื่องที่เหมาะสม เพื่อให้การเขียนโฆษณาสินค้าส่งตรงไปหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำและตรงจุดมากขึ้นด้วย

ผู้เขียน

Picture of NerdOptimize Team
NerdOptimize Team
Tag:

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

SEO Specialist

รู้จักสายงาน SEO Specialist คืออะไร อาชีพนี้ทำอะไรบ้าง?

SEO Specialist คือ SEO Expert หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับการค้นหาได้อย่างง่ายดาย

อ่านบทความ ➝
Google Analytics

Google Analytics คืออะไร? จะมาช่วยธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างไร?

Google Analytics คือ เครื่องมือวิเคราะห์และเก็บข้อมูลเชิงสถิติของผู้เข้าเว็บไซต์ หลายคนเข้าใจผิดว่าเครื่องมือนี้จะถูกใช้โดยโปรแกรมเมอร์เท่านั้น ..

อ่านบทความ ➝
PageRank คืออะไร

PageRank ตัวชี้วัดค่าความสำคัญเว็บไซต์จาก Google ที่คนทำ SEO ต้องรู้จัก!

Google PageRank หรือ PR คืออัลกอริทึมที่ใช้วัดค่าความสำคัญที่ Google ใช้เพื่อจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าการค้นหา (SERPs) เรื่องสำคัญที่นักทำ SEO ทุกคนต้องรู้!

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top