เมื่อพูดถึงการสร้าง Branding บนโลกออนไลน์ สิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเลยก็คือ การทำ Content ที่ช่วยนำเสนอความเป็นแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการทำคอนเทนต์ที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่การคิดไอเดียและโพสต์คอนเทนต์ลงในช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วันเท่านั้น แต่จะต้องรู้จักการทำ “Content Marketing” ที่เป็นศาสตร์การตลาดรูปแบบหนึ่งที่เหมือนจะทำได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วมีรายละเอียดมากมายที่ต้องทำการศึกษาในเชิงลึกตั้งแต่นิยม ความสำคัญ ประเภท ไปจนถึงวิธีการทำเลยทีเดียว
มาดูกันว่า Content Marketing คืออะไร และจะเริ่มต้นทำได้อย่างไรบ้าง พร้อมตัวอย่างที่ NerdOptimize รวบรวมมาให้ในบทความนี้ได้เลยนะครับ
Content Marketing คืออะไร ?
ที่มาภาพ: www.linkedin.com
Content Marketing หรือ คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง คือ การทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่มีคุณค่า มีความเกี่ยวข้อง และสอดคล้องกันกับสิ่งที่แบรนด์เป็นหรือแบรนด์เชื่อ เพื่อดึงดูดและรักษากลุ่มเป้าหมาย (Target) ที่กำหนดเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น หากแบรนด์หรือธุรกิจสามารถทำ Content Marketing ที่มีประสิทธิภาพมากพอจะส่งเสริมการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงมากขึ้น แน่นอนว่า กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะกลายมาเป็นลูกค้าที่ช่วยสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ และท้ายที่สุดพวกเขาเหล่านั้นจะพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์จากการที่มีความจงรักภักดี (Customer Loyalty) ที่สูงมากนั่นเอง
Content Strategy คืออะไร ?
นอกจากคำว่า Content Marketing จะเป็น Buzzword ที่นักการตลาดใช้กันเป็นประจำแล้ว ก็ยังมีอีกคำหนึ่งที่หลายคนมักจะสับสนและคิดว่าเป็นสิ่งเดียวกันกับ Content Marketing นั่นคือคำว่า “Content Strategy” แต่จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 คำนี้มีความแตกต่างกัน
Content Strategy คือ ส่วนผสมระหว่างการทำการตลาดด้านเนื้อหาอย่างการทำ Content Marketing ที่จะดูว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร และจะผลิตคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์พวกเขาได้อย่างไร และ การวางแผนด้านคอนเทนต์หรือ Content Planning ที่ทำให้ธุรกิจสามารถเผยแพร่งานในฝั่ง Content Marketing ได้สำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของทีมคอนเทนต์และฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการวัดผลเป็นหลัก
Content Marketing สำคัญอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ ?
รู้หรือไม่ว่ากว่า 97% ของแบรนด์ใช้ Content Marketing ในการขับเคลื่อนธุรกิจ สาเหตุเป็นเพราะนี่คือวิธีที่ผู้บริโภคสมัยใหม่ใช้ในการเข้าถึงแบรนด์และทำความรู้จักไปจนถึงตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการใดบริการหนึ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทุกธุรกิจหันมาสนใจในการทำ Content Marketing แต่ก็มีสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วยอีก ไม่ว่าจะเป็น…
- Content Marketing ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) ให้กับแบรนด์
การทำ Content Marketing ที่ตอบจุดประสงค์ทางการตลาดและทางธุรกิจของแบรนด์/องค์กร และสอดคล้องกับการพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น เช่น เมื่อกลุ่มเป้าหมายมีปัญหาหรือเป้าหมายบางอย่างแล้วทำการเข้า Google เพื่อเสิร์ชหาข้อมูลอ่านรีวิว หรือเลื่อนฟีดบน Social Network แล้วเจอโซลูชันการแก้ปัญหาที่น่าสนใจ พวกเขาก็จะเจอกับ ‘เนื้อหา’ ที่มีส่วนช่วยให้เราตัดสินใจซื้อหรือดีลจากแบรนด์โดยตรง หากคอนเทนต์เหล่านั้นมีประโยชน์และตอบสนองกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายตามหา แน่นอนว่าย่อมทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อในแบรนด์และกลายเป็นลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น
- ช่วยส่งเสริมการขายตาม Customer Journey
Customer Journey คือ เส้นทางของผู้บริโภคก่อนที่จะกลายมาเป็นลูกค้า จะแบ่งออกเป็น 3 Stage คือ
-
- การรับรู้ให้กับแบรนด์ (Awareness)
- การพิจารณา (Consideration)
- การตัดสินใจ (Decision)
ที่มาภาพ: searchengineland
ซึ่งในแต่ละ Stage นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ Content Marketing ทั้งสิ้น เพราะคอนเทนต์จะเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการหาข้อมูล หากทำการให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ถูกที่ และถูกที่ในแต่ละ Stage ก็จะช่วยทำให้เกิดกระบวนการซื้อได้ง่าย เช่น
- กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเครียด พวกเขาค้นหาข้อมูลว่าทำไมถึงเครียด เครียดแล้วจะแก้ไขได้อย่างไร หากเว็บไซต์ของคุณทำ SEO เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าคุณสามารถให้ข้อมูลเหล่านี้กับพวกเขาได้ (Awreness Stage)
- กลุ่มเป้าหมายรู้แล้วว่าเขาต้องแก้เครียดด้วยการลาพักร้อน พวกเขาค้นหาเกี่ยวกับสถานที่เหมาะสำหรับการพักร้อน แล้วเว็บไซต์ของคุณมีแนะนำสถานที่เที่ยวเอาไว้ พวกเขาก็จะรู้ว่าหากจะพิจารณาหาที่เที่ยวสามารถเข้ามาหาข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณได้ (Consderation Stage)
- กลุ่มเป้าหมายต้องการจองที่เที่ยว เมื่อเสิร์ชหาก็เจอกับบริการของคุณที่พวกเขาคุ้นเคยอยู่แล้วจากการเห็นข้อมูลมาก่อนก็จะมีโอกาสจองที่พัก ซื้อตั๋ว หรือซื้อแพ็คเกจทัวร์กับคุณ (Decision Stage)
- มีผลต่อความเชื่อใจและการทำ CRM
65% ของผู้บริโภคจะรู้สึกในแง่บวกและรู้สึกเชื่อถือในแบรนด์ เมื่อแบรนด์มีการทำคอนเทนต์ในเชิงให้ความรู้ที่มีคุณภาพ เนื่องจากคอนเทนต์ประเภทนี้จะเป็นคอนเทนต์ที่ทำขึ้นเพื่อตอบคำถามและช่วยแก้ปัญหาให้แบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งช่วยให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าแบรนด์พยายามที่จะสื่อสารและสานสัมพันธ์กับพวกเขาอยู่ตลอด ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในกระบวนการทำ CRM สำหรับธุรกิจด้วยเช่นกัน สุดท้ายก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อใจในตัวแบรนด์มากกว่าเดิม
การสร้าง Content คืออะไร ?
การสร้าง Content คือ การออกแบบข้อมูลหรือเนื้อหาเพื่อจุดประสงค์บางประการ เช่น เพื่อบอกเล่าเรื่องแบรนด์, ให้รายละเอียดสินค้าบริการ, บอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ เป็นต้น โดยทำผ่านข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เสียง หรืออินโฟกราฟิก เพื่อสื่อสารกับผู้อ่านหรือผู้บริโภคและนำไปสู่จุดประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อทำการตลาด, เพื่อสื่อสารแบรนด์ เป็นต้น
ลักษณะของ Content ตามจุดประสงค์
ลักษณะของ Content ตามจุดประสงค์จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตาม Content Metrix ดังต่อไปนี้
ที่มาภาพ: blog.thesocialms.com
- Educate (คอนเทนต์เพื่อให้ความรู้)
คอนเทนต์เพื่อให้ความรู้ คือ คอนเทนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความรู้และยังใช้เพื่อแทรกการขายเอาไว้แบบเนียนๆ ได้ด้วย เช่น คอนเทนต์ที่ช่วยแก้ปัญหาบางอย่างของกลุ่มเป้าหมาย แล้วสุดท้ายแบรนด์ทำการแทรกบริการของธุรกิจที่แก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไปได้ เป็นต้น สำหรับวิธีการสร้าง Content ประเภทนี้จะต้องให้ข้อมูลที่เป็น Fact และเป็นข้อมูลที่ตอบความต้องการและช่วยแก้ปัญหาผู้อ่านหรือผู้ชมได้จริง ตัวอย่างประเภทคอนเทนต์ให้ความรู้ เช่น การทำ Webinars, การทำรีพอร์ต เป็นต้น
- Entertain (คอนเทนต์เพื่อให้ความบันเทิง)
คอนเทนต์เพื่อให้ความบันเทิง คือ คอนเทนต์ที่อยู่หนึ่งในกลยุทธ์การทำ Content Marketing ที่หลายคนนิยมทำกัน เพราะเป็นประเภทคอนเทนต์ที่ทำขึ้นเพื่อให้ความบันเทิง ช่วยเรียก Engagement ให้กับแบรนด์ได้ดี ส่งผลให้แบรนด์ได้เป็นที่รู้จักหรือเกิดการรับรู้ในวงกว้าง (Brand Awareness) ส่วนวิธีการสร้างก็มักจะเน้นสร้างหรือกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่าน เช่น การทำคอนเทนต์เล่นเกม, คอนเทนต์แข่งขัน, การทำไวรัลคอนเทนต์ เป็นต้น
- Pursuade (คอนเทนต์เพื่อโน้มน้าวใจ)
คอนเทนต์เพื่อโน้มน้าวใจ คือ คอนเทนต์ที่ช่วยสร้างโอกาสในการโน้มน้าวใจหรือทำให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจในสินค้าหรือบริการได้มากยิ่งขึ้น เช่น คอนเทนต์ทำความรู้จักแบรนด์, รีวิวจากลูกค้าตัวจริง, คอนเทนต์รีวิวจาก Influencer เป็นต้น โดยคอนเทนต์ประเภทนี้จะเน้นกระตุ้นทางอารมณ์เพื่อทำให้รู้สึกอยากซื้อเป็นหลัก
- Convert (คอนเทนต์เพื่อทำให้เกิดการซื้อขาย)
คอนเทนต์เพื่อทำให้เกิดการซื้อขาย คือ คอนเทนต์ที่ส่งเสริมการขาย ทำให้รู้สึกอยากที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น คอนเทนต์แสดงตารางราคาสินค้า, คอนเทนต์แสดงความสามารถของสินค้า, โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ฯลฯ ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้อาจเป็นคอนเทนต์ที่ผู้คนอาจจะได้เห็นบ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้
Content Marketing มีกี่ประเภท
Content Marketing นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ โดยจะแบ่งตามลักษณะของคอนเทนต์ ดังนี้
- บล็อกโพสต์ (Blog Posts) คือ รูปแบบการเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่นอกจากจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแล้ว ยังเป็นเครื่องมือสำหรับการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO ในการทำอันดับบน Google ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกด้วย
- อีบุ๊ก (E-books) คือ การออกแบบคอนเทนต์ให้ออกมาในรูปเล่มแบบหนังสือ แต่ไม่ใช่หนังสือที่เราสามารถหยิบจับได้ เพราะจะออกมาเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อย่างไฟล์คอมพิวเตอร์ที่ผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดได้ ซึ่งส่วนใหญ่แบรนด์จะทำการขอข้อมูลของผู้ที่สนใจแลกกับการดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ เพื่อนำรายชื่อของคนเหล่านี้นำมาทำการตลาดด้านอื่นๆ ต่อไป ซึ่งวิธีการทำ E-books นี้นับเป็นวิธีการทำ Lead Generation รูปแบบหนึ่งเช่นกัน
- วิดีโอหรือรูปภาพ (Visual Content) คือ คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของภาพและวิดีโอ เช่นรูปภาพ, GIFS, สไลด์, Infographic, Live, VDO เป็นต้น เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเสพง่าย เข้าถึงคนได้เป็นจำนวนมาก และเรียกยอด Engagement ได้สูง แต่การทำคอนเทนต์ประเภท Visual Content นั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะไม่ได้มีกฎตายตัว ต้องใช้ความสร้างสรรค์สูงในการทำให้คนอยากหยุดดูและแชร์ต่อ
- พอดแคสต์ (Podcast) คือ สื่อเสียงแบบ On Demand ที่มีความคล้ายคลึงกับการจัดรายการวิทยุในอดีต แต่เปลี่ยนแพลตฟอร์มมาเป็นการจัดรายการบนโลกอินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถดาวน์โหลด หรือสตรีมมิ่งได้ โดยในปัจจุบันการทำคอนเทนต์ Podcast เป็นที่นิยมมากขึ้นจากการเป็นคอนเทนต์ที่ฟังง่าย เหมือนมีคนมาย่อยข้อมูลที่ผู้ฟังอยากรู้ให้ฟังแบบละเอียด โดยสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วยได้
Content Marketing ตัวอย่างที่น่าสนใจ
สำหรับตัวอย่าง Content Marketing ที่น่าสนใจจะขอยกตัวอย่างประเภทของแคมเปญ Content Marketing ในรูปแบบต่างๆ มาให้ชมกัน โดยเป็น Case Study ของแบรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ทำคอนเทนต์กระแสที่เป็นที่พูดถึงและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น เช่น
จากกระแสของการปล่อย MV ซิงเกิ้ล PINK VENOM ของวง “BLACKPINK” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่เป็นที่พูดถึงทำให้รองเท้าช้างดาวที่ออกมาจับกระแสนี้ด้วยการท้าทายว่า หาก PINK VENOM ทำยอดวิวยูทูปได้ถึง 80 ล้านวิว ใน 24 ชั่วโมง จะทำรองเท้าช้างดาวสีชมพูดำ ซึ่งสรุปมิวสิควิดีโอ PINK VENOM ของ BLACKPINK ทำยอดวิวยูทูบได้ 90.4 ล้านวิวใน 24 ชั่วโมง จึงทำให้เกิดรองเท้าช้างดาวในคอลเลกชันที่ชื่อ “ช้างดาวพริ้ง” ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จนทำให้เกิดยอดจองช้างดาวพริ้ง รวมแล้วถึง 105,739 คู่
ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ทำ Content Marketing เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์และกลายเป็นกระแสไวรัลที่หลายแบรนด์ทำตามต่อๆ กัน อย่าง ห่านคู่ กับคอนเทนต์ ‘ถึงคุณ…คนธรรมดา’ ที่โพสต์คอนเทนต์ในรูปแบบจดหมายธรรมดาจากห่านคู่ ที่ให้กำลังใจคนธรรมดาทุกคน และใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Emotional Marketing ในการสร้างอิมแพ็คให้กับการคอนเทนต์ในครั้งนี้
ยกตัวอย่างการทำ Content Marketing สำหรับส่งเสริมการขายที่แปลกใหม่อย่างเพจ ‘ขาย’ ที่ทำคอนเทนต์แหวกขนบของการขายให้มีความสนุก โดนใจ และกลายเป็นไวรัลจากการเขียนบอกสรรพคุณของสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับแบรนด์ และทำให้ขายสินค้าได้ดีขึ้นอีกด้วย
ทำไม Content Marketing ถึงสำคัญกับการทำ Digital Marketing
ที่มาภาพ: www.educba.com
พื้นฐานของการทำ Digital Marketing คือ คอนเทนต์ อ้างอิงจากข้อมูลเหล่านี้
- การทำบล็อกสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจช่วยทำให้ได้ Lead เพิ่มมากขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
- 72% ของนักการตลาดแบบ B2B ระบุว่า Content Marketing ช่วยเพิ่ม Engagement และสร้างโอกาสในการขายให้มีมากขึ้น
- 88% ของลูกค้าระบุว่า วิดีโอเป็นคอนเทนต์ที่ช่วยโน้มน้าวทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ
ดังนั้น Content Marketing จึงมีความสำคัญต่อการทำการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะคอนเทนต์เปรียบเสมือนหน้าด่านที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์และทำให้แคมเปญการตลาดประสบความสำเร็จได้จากหลากหลายช่องทาง เช่น การทำ SEO, การทำ Social Post, การทำ Social Ads, ทำ Marketing Automation ฯลฯ นักการตลาดจึงต้องทำการวางแผนการทำ Content Marketing เพื่อส่งเสริมการทำการตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มด้วย จึงจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยคอนเทนต์ได้อย่างแท้จริง
ประโยชน์ของ Content Marketing ต่อการสร้างแบรนด์
แน่นอนว่ามีกลยุทธ์ทางการตลาดมากมายที่ช่วยในการสร้างแบรนด์ให้โด่งดัง แต่การทำ Content Marketing ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้แบรนด์เติบโตขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์และเกิดเป็นภาพจำที่ไม่ซ้ำใคร เพราะคอนเทนต์ถือเป็น ‘สื่อ’ ประเภทหนึ่งที่ช่วยส่ง ‘สาร’ ต่างๆ ที่แบรนด์ต้องการพูด บอก หรือตอบคำถามให้กับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นเชื่อในแบรนด์ ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ และช่วยเพิ่ม Conversion ให้กับแบรนด์ แต่การจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้กับแบรนด์ได้ก็ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกวางใจด้วยการส่งมอบคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และสอดคล้องกับ Customer Touchpoint ที่ลูกค้ามีได้อย่างตรงจุดแบบสม่ำเสมอ รวมถึงทำให้ภาพจำของแบรนด์ชัดเจนในใจของผู้บริโภคด้วย จึงจะถือว่าการทำ Content Marketing ช่วยสร้างแบรนด์ได้สำเร็จอย่างที่ต้องการ
5 ขั้นตอนเริ่มต้นสร้าง Content Marketing Strategy ให้แบรนด์
หลังจากเรียนรู้นิยามและความสำคัญทั้งหมดแล้ว เรามาปูพื้นฐานในด้านขั้นตอนของการทำ Content Marketing Strategy กันดีกว่าครับว่าจะสามารถเริ่มต้นได้อย่างไรบ้าง โดยผมจะขอแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
- ตั้งเป้าหมายในการทำ (Goal)
ก่อนจะเริ่มต้นวางแผนการทำ Content Marketing Strategy ก่อนอื่นต้องหาให้เจอว่าคุณมีเป้าหมายในการทำคอนเทนต์ไปเพื่ออะไร ซึ่งการตั้งเป้าหมายจะช่วยบอกว่า กระบวนการสร้างคอนเทนต์ที่คุณกำลังเดินมานั้นถูกทางหรือไม่ โดยใช้หลักอ้างอิงในการตั้งเป้าหมายเป็น SMART Goal ที่ประกอบด้วย…
ที่มาภาพ: www.breeze.pm
- Specific หรือ เจาะจง
- Measurable หรือ ประเมินผลได้
- Attainable หรือ ทำให้สำเร็จได้
- Relevant หรือ ตรงประเด็น
- Timely หรือ ทันเวลา
ยกตัวอย่างการตั้ง SMART Goal เช่น
- มีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 100,000 คน ภายใน 1 ปี
- จะทำให้คนแชร์คอนเทนต์ใน Instagram จำนวน 3 โพสต์ ในยอด 1,000 แชร์ ในระยะเวลา 3 เดือน
- มี Follower สะสม 3,000 คน ภายใน 3 เดือน
- หาให้เจอว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร (Target Audience)
หากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Leads) และลูกค้า (Customer) ให้เจอว่าพวกเขาเป็นใคร โดยการหา Insight จากวิธีต่างๆ เช่น ดูข้อมูล Analytics บนโลกออนไลน์, สัมภาษณ์, ทำแบบสอบถาม, ค้นจากสถิติต่างๆ เป็นต้น หลังจากนั้นนำมาทำเป็น Persona ของลูกค้าออกมาเพื่อกำหนดภาพของลูกค้าในอุดมคติที่แบรนด์ต้องการ
ที่มาภาพ: milanote.com
- แบรนด์ของคุณเป็นอย่างไร (Branding)
รู้จักลูกค้าแล้วก็ต้องรู้จักแบรนด์ของตัวเองให้มากขึ้นว่า เรามีจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคในการทำแบรนด์อย่างไรบ้าง ด้วยการใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า SWOT ในการวิเคราะห์
ที่มาภาพ: www.thebalancemoney.com
หลังจากนั้นมาดูว่า คุณจะสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้นโดยใช้จุดแข็งและโอกาสอย่างไร รวมถึงจะสามารถสร้างแบรนด์ที่สามารถกลบจุดอ่อนและลดอุปสรรคภายในได้อย่างไรบ้าง โดยคุณจะต้องทำการกำหนดลักษณะของแบรนด์ (Brand Character) และน้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice) เพื่อที่จะนำไปใช้ในการนำเสนอคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์และแข็งแรงได้มากขึ้น
ที่มาข้อมูล: creative.starbucks.com
ตัวอย่างลักษณะของแบรนด์ (Brand Character) และน้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice) จาก Starbucks
- วางแผน Content (Content Marketing & Strategy)
ทำการวางแผนทำ Content ทั้งในฝั่งของการทำ Content Marketing และ Content Strategy โดยกำหนดกลยุทธ์แผนการทำคอนเทนต์ว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน ลงแพลตฟอร์มใดบ้าง ทำปริมาณเท่าไหร่ มีใครที่จะต้องรับผิดชอบบ้าง เพื่อที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการลงมือทำคอนเทนต์และทำการเผยแพร่ต่อไป
ส่วนวิธีการวางแผนสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ในการช่วยเหลือได้ ไม่ว่าจะเป็น…
- เครื่องมือสำหรับดูผลลัพธ์และ Research เช่น Facebook Business Manager, Google Analytics, Google Trend ฯลฯ
- เครื่องมือสำหรับวางประเภทคอนเทนต์ที่จะต้องทำ เช่น การใช้ Content Metrix สำหรับเลือกประเภทคอนเทนต์ที่จะทำตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ, การใช้ AARRR Funnel เพื่อวาง Content ตาม Funnel ของลูกค้า เป็นต้น
- เครื่องมือสำหรับวางแผนตารางของทีมงานและการลงคอนเทนต์ เช่น Clickup, Trello ฯลฯ
ที่มาภาพ: clickup.com
- ลงมือทำคอนเทนต์ (Content Creation)
หลังจากขั้นตอนการแพลนทุกอย่างมาเรียบร้อย หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการลงมือทำคอนเทนต์ ซึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คอนเทนต์หนึ่งประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการนำเสนอ แพลตฟอร์มที่เลือก เวลาที่ทำการโพสต์ หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะไปถึง ดังนั้น ในการลงมือทำคอนเทนต์จึงต้องมีทริคดีๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้การทำคอนเทนต์ง่ายและเป็นไปในเส้นทางที่นำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ โดยเรารวบรวมมาให้แล้วถึง เทคนิค ดังนี้
- วางหัวข้อที่ดึงดูดและเหมาะสมกับแพลตฟอร์ม: หัวข้อเป็นสิ่งแรกที่จะสามารถหยุดคนเห็นหรือคนอ่านได้ ดังนั้น ในการทำคอนเทนต์จึงมีหัวข้อที่น่าสนใจและไม่ซ้ำกับคนอื่น นอกเหนือจากนี้ควรเขียนหัวข้อคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มด้วย เช่น การทำ SEO หัวข้อจะต้องยาวไม่เกิน 65 ตัวอักษรแรกและควรมีคำ Keyword อยู่ในชื่อหัวข้อด้วย เป็นต้น
- เลือกใช้คอนเทนต์ที่หลากหลาย: พยายามมีคอนเทนต์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ รูปภาพ บทความ หรือ อินโฟกราฟิกในแพลตฟอร์มของคุณเอง
- ให้เวลากับการทำคอนเทนต์: คอนเทนต์ไม่จำเป็นต้องเขียนเร็วหรือตามกระแสเท่านั้น แต่คุณยังสามารถส่งมอบคุณค่าที่ตอบโจทย์ผู้ติดตามด้วยคอนเทนต์ให้ความรู้หรือแสดงทัศนะแง่มุมอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบลงมือทำคอนเทนต์ แต่ให้เวลากับการคิดและการเขียน เพื่อนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะดีกว่า
- ทำการวัดผลลัพธ์คอนเทนต์: นอกจากทำแล้วต้องอย่าลืมคิดถึงวิธีการวัดผลลัพธ์ความสำเร็จของคอนเทนต์เอาไว้ด้วย โดยอาจจะใช้เครื่องมือวัดผลลัพธ์ต่างๆ เพื่อช่วยดู หลังจากนั้น ก็นำผลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และทำการปรับปรุงคอนเทนต์เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นต่อไป
สรุปการทำ Content Marketing ให้สำเร็จ ตอบโจทย์ธุรกิจ
จะเห็นว่า Content Marketing หมายถึง การทำคอนเทนต์เพื่อจุดประสงค์ในการทำการตลาด เช่น ช่วยทำให้เกิดการจดจำแบรนด์ การพิจารณา หรือการตัดสินใจตาม Marketing Funnel ที่เรารู้จักกันดี
ซึ่งการที่จะทำ Content Marketing ที่ตอบโจทย์ทั้งสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายพิจารณาแบรนด์ของคุณ และสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้นก็ต้องใช้กลยุทธ์การทำ Content Marketing ต่างๆ ทั้งประเภทของคอนเทนต์ที่ควรเลือกใช้งานให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และนำมาวาง Content Marketing Strategy ได้อย่างเหมาะสมภายใต้น้ำเสียงหรือสไตล์ของแบรนด์ เพื่อทำให้ Branding ของคุณแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย
อ้างอิง
https://contentmarketinginstitute.com/what-is-content-marketing/
https://www.marketingoops.com/exclusive/how-to/5-crucial-step-for-content-strategy/
https://searchengineland.com/why-content-marketing-is-important-389290
https://www.optimizely.com/insights/types-of-content-marketing/
https://mailchimp.com/marketing-glossary/content-marketing/