อีกไม่นานก็จะก้าวสู่ปี 2025 แล้ว มาดูกันว่าในปีหน้าที่จะถึงนี้ เหล่านักทำ SEO มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ ไปอ่านการคาดการณ์พร้อม ๆ กันเลย
1. เปลี่ยนเว็บไซต์ของคุณให้กลายเป็นแบรนด์ที่โดดเด่น คือเป้าหมายใหม่ที่ควรให้ความสำคัญเพื่อเพิ่ม Brand Search
Google อาจหันมาให้ความสำคัญกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นักการตลาดและคนทำ SEO คาดการณ์กันว่าในปี 2025 เว็บไซต์ที่มีการค้นหาด้วยชื่อแบรนด์มีแนวโน้มจะถูกจัดอันดับสูงกว่า จากการทดลองทำ SEO ของนักทำ SEO บางคน พบว่า Brand Authority อาจมีผลดีกับเว็บไซต์ได้มากกว่ามากกว่า Domain Authority เสียอีก!
2. Traffic Diversity ถูกยกระดับให้เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ
ในปี 2025 สิ่งที่ควรรู้ในการทำ SEO อีกหนึ่งเรื่องก็คือ ควรมี Traffic มาจากช่องทางอื่น ๆ นอกจาก Organic Search ด้วย เช่น Social media ต่าง ๆ หรือ E-mail เพราะมีข้อมูลจาก Search Engine ยอดนิยมในรัสเซียอย่าง Yandex ที่พบว่าหากเว็บไซต์ของคุณได้รับ Traffic จาก Search Engine ในสัดส่วนที่สูงเกินไป อาจถูกมองว่าเป็นปัจจัยเชิงลบ ควรลดความเสี่ยงส่วนนี้ด้วยการเพิ่ม Traffic ให้มาจากช่องทางอื่น ๆ จะช่วยให้เกิดผลดีในการทำ SEO มากกว่า และยังช่วยดึงดูด User กลุ่มใหม่ ๆ จากโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่จากเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญยังช่วยสร้าง Authority ให้กับเว็บไซต์ได้อีกด้วย
3. Google จะใช้ User Signals ในการประเมินคุณภาพคอนเทนต์มากขึ้น
แม้ Google จะบอกว่าไม่ได้ใช้ข้อมูลการคลิก แต่จากหลักฐานที่รั่วไหลออกมาแสดงให้เห็นว่า Google ใช้โมดูลที่เรียกว่า NavBoost เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการคลิก
สิ่งที่ Google ให้ความสำคัญที่สุดคือ User ได้บรรลุเป้าหมายจากการค้นหาหรือไม่ เช่น ถ้ามีการคลิกเข้ามา อ่านสั้น ๆ และออกไป แล้ว User กลับไปคลิกผลการค้นหาอื่นต่อ (Pogo-sticking) แบบนี้ ถือว่าเป็น Signals ในเชิงลบ
4. Value ของ Content อาจลดลง สวนทางกับ Value ของ Links เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับเลยว่ามี AI Content ที่ถูก Publish ลงเว็บไซต์ทั้งโลกเยอะมาก ถึงจำนวนหลักล้านต่อวัน เพราะมีการนำ AI และ Automation มาใช้ผลิต Content กันมากขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้นักทำ SEO หลาย ๆ คนจึงคาดการณ์ว่า ในอนาคต Google เองก็อาจมีแนวโน้มในการให้ Value ของ Content ต่าง ๆ ลดลง และอาจจะหันมาให้ Value กับ Link ในบทความ ไม่ว่าจะ Internal Link และ External Link เพื่อประเมินคุณภาพของบทความมากขึ้น
5. AI Content จะยังคงมี Performance ที่ดี และจะช่วยให้การทำ Content มี Scale ที่ใหญ่ขึ้น
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่ายังไม่มีเทคโนโลยีหรือ Tool ตัวไหนที่สามารถตรวจจับได้ว่า Content ใดบ้างที่ถูกสร้างด้วย AI ซึ่งก็หมายความว่า Content ดังกล่าวก็จะได้รับการประเมินคุณภาพจาก Search Engine เหมือนกับคอนเทนต์ที่เขียนโดยคนจริง ๆ แล้ว Search Engine ที่ครองส่วนแบ่งตลาด Search อย่าง Google เอง ก็ไม่ได้สนใจด้วยว่า Content มาจาก AI หรือไม่ ขอแค่ Content นั้นมีประโยชน์และตอบโจทย์ User ได้ ก็นับว่าเป็น Quality Content แล้ว
ดังนั้น Content จาก AI สามารถสร้าง Traffic และ Conversion ได้จริง ๆ ซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้เห็น Tools ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การสร้างคอนเทนต์ด้วย AI ง่ายขึ้น เร็วขึ้น มี Scale ที่ใหญ่ขึ้น เช่น อาจจะมี Tools ที่ทำให้คุณไม่ต้องป้อน Prompt ให้ AI และลง Content เองเลย เพียงแค่ใส่รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ก็จะทำทั้งหมดให้แบบอัตโนมัติ รวมถึงอาจจะสามารถช่วยอัปเดต Content เก่า ๆ ให้สดใหม่อยู่ตลอดอีกด้วย
6. บางครั้ง Content ที่สร้างด้วย AI อาจจะไม่ตอบโจทย์เสมอไป
แม้ข้อก่อน ๆ จะมีการพูดถึง Content ที่สร้างด้วย AI ในด้านดี ๆ กันไปเยอะแล้ว แน่นอนว่านักทำ SEO อีกส่วนหนึ่งก็มีความเห็นที่ต่างกันออกไปกับ Content ที่สร้างด้วย AI
เพราะ AI มักจะสร้างเนื้อหาหรือ Content จากฐานข้อมูลที่คุ้นเคย และในหลาย ๆ ครั้ง AI ก็มีการใส่ Bias, Generate ข้อมูลที่ผิดพลาดออกมา หรือแม้กระทั่งเกิดอาการ Hallucinate ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ Content ที่ได้ออกมาก็อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร อาจจะธรรมดา ไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีกับ User มากนัก
โดยนักทำ SEO ก็ได้ให้คำแนะนำว่า หากอยากให้ Content สร้างความประทับใจ แตกต่างจากคู่แข่ง มีคุณภาพสูง และแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณนั้น แนะนำให้ทำ Deep Content ที่มีการลงทุน ลงแรงในด้านต่าง ๆ ทั้ง Experiment, Effort และ Experience จะส่งผลดีที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ของคุณได้มากกว่า
7. AI Search Engine จะแย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Google
อย่างที่เรารู้กันว่า ณ ตอนนี้ AI Search Engine ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้ามาแย่งพื้นที่ Market Share เพราะด้วยจุดเด่นที่สามารถป้อนการค้นหาและแสดงผลทันที ที่สำคัญยังไม่มีการโชว์โฆษณาขึ้นมา ทำให้ AI Search Engine อาจเป็นอุปสรรคลูกใหญ่สำหรับ Google เพราะความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ก็อาจทำให้พฤติกรรมของ User เริ่มเปลี่ยนไปใช้ AI ในการค้นหาคำตอบต่าง ๆ มากขึ้น ในอนาคต GEO (Generative Engine Optimization) อาจเข้ามาเป็นกระแสหลักและมีบทบาทมากขึ้นในการทำเว็บไซต์ และอาจเข้ามาแทนที่การทำ SEO ก็ได้
8. GEO อาจเข้ามามีอิทธิพลในยุคที่ AI กำลังได้รับความสำคัญ
อย่างที่เกริ่นไปในข้อที่แล้ว นักทำ SEO จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการ Optimize เพื่อให้เว็บไซต์ไปติดในผลการค้นหาบน Generative AI หรือ AI Search มากขึ้น เป็นผลต่อมาจากเรื่อง Market Share ที่จะทำให้ Traffic ที่ได้จาก LLM มี Value มากขึ้น ควรค่ากับการทำการตลาดตรงนี้
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม GEO จึงอาจจะกำลังกลายมาเป็นแนวทางใหม่ในการทำการตลาด นักการตลาดต้องปรับปรุงเนื้อหาให้ AI เข้าใจและนำข้อมูลไปใช้ได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ AI เลือกหยิบเนื้อหาของเราไปเป็นฐานข้อมูลเพื่อ Generate ข้อความใหม่ ไปแสดงผลบน AI และให้เครดิตกลับมาที่เว็บไซต์ของเรา เป็นการเพิ่ม Awareness และเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณได้เปรียบในการทำการตลาดออนไลน์ในอนาคตไปอีกขั้น
9. AI Overviews จะถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2025
Google ได้เปิดให้ใช้ฟีเจอร์ AI Overviews มาพักใหญ่แล้ว และให้ใช้จริงแล้วในอเมริกาและยุโรป รวมถึงกำลังจะมีให้ใช้จริงในไทยเร็ว ๆ นี้ แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวก็มีเสียงพูดถึงจาก User ในเชิงลบ ในเรื่องข้อผิดพลาดของฟีเจอร์นี้ซะมากกว่า ที่แม้จะให้ผลลัพธ์ในการค้นหาที่รวดเร็ว แต่ก็มีการให้คำตอบที่ไม่เหมาะสม ไม่ตรงกับสิ่งที่ User ต้องการจนทำให้ต้องย้อนกลับไปป้อนคำค้นหาใหม่อีกครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่าก็มีการคาดเดามาว่าข้อผิดพลาดนี้จะได้รับแก้ไข และผู้ใช้งานก็จะไม่เจอกับปัญหาดังกล่าวอีกในปี 2025 นี้ และเมื่อเป็นแบบนี้การทำ SEO ก็จะจำเป็นจะต้องไปโฟกัสใน Bottom funnal และ ทำ CRO มากขึ้นกว่าเดิม เป็นเพราะพอ User ได้ข้อมูลจาก AI Overview มากขึ้น แน่นอนว่า Zero-click search ก็มากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้การทำการตลาดใน Funnal บน ๆ อย่าง Awareness หรือ Consideration ผ่านเว็บไซต์ จึงเป็นเรื่องยากขึ้น แต่เมื่อถึงขั้นตอนการตัดสินใจซื้อสินค้า User ก็ยังต้องกดสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ของเราหรือติดต่อเราผ่านเว็บไซต์อยู่ดี ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ในส่วนของ Bottom Funnel มากขึ้น และเน้นการทำ CRO ให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่ม Conversion Rate ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
10. เว็บกระทู้อาจมี Traffic ลดลง และเว็บไซต์ขนาดใหญ่อาจมีแนวโน้ม Traffic เพิ่มขึ้น
ในช่วงปี 2024 หลังจาก Google มี Update เกี่ยวกับ Helpful Content อยู่หลายครั้ง ทำให้ Reddit, Quora, Pantip และเว็บกระทู้อื่น ๆ มี Traffic ที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจาก Google มองว่าเนื้อหาในเว็บไซต์เหล่านี้เป็น “UGC” (User-Generated Content) ซึ่งเป็นเนื้อหารูปแบบที่ Google ให้ความสำคัญในช่วงนี้ ส่งผลให้กระทู้เหล่านี้มักปรากฏในอันดับที่ดีในการค้นหา
แต่เนื่องจากในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่า หลักจากนี้ในอนาคต Google อาจเปลี่ยนแนวทางโดยให้ความสำคัญกับเนื้อหาจากแบรนด์มากขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาแบบ UGC อย่างเว็บกระทู้เหล่านี้ อาจมี Traffic ลดลง และเว็บไซต์ของแบรนด์ใหญ่ ๆ จะมีโอกาสติดอันดับการค้นหาที่สูงขึ้นนั่นเอง
สรุป
ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ SEO ไปอีกขั้น โดย Google อาจให้ความสำคัญกับ Brand Search และการกระจาย Traffic จากช่องทางอื่น เช่น Social Media มากขึ้น ขณะเดียวกัน AI Search Engine กำลังท้าทายตำแหน่งของ Google พร้อมกระตุ้นแนวทางใหม่อย่าง GEO ที่ช่วยให้เนื้อหาเข้าถึงผู้ใช้ AI ได้ดีขึ้น นักทำ SEO ควรปรับกลยุทธ์เน้น Bottom Funnel, CRO และสร้าง Deep Content เพื่อสร้างเอกลักษณ์และยอดขายให้กับแบรนด์อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์สิ่งที่เหล่านักทำ SEO ที่คลุกคลีอยู่ในวงการอาจจะต้องเผชิญในปี 2025 นี้ NerdOptimize หวังว่าการคาดการณ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และหยิบสาระความรู้ดี ๆ ที่พวกเรารวบรวมมานี้ไปปรับใช้ในการทำ SEO กันนะครับ
