Home - Marketing - รู้จัก 7Ps คืออะไร? เจาะลึกครบทุกองค์ประกอบ พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดัง

รู้จัก 7Ps คืออะไร? เจาะลึกครบทุกองค์ประกอบ พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดัง

7p คือ

ปัจจุบันการทำธุรกิจออนไลน์ ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดตลอดเวลา การมีแค่สินค้าดีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจจึงต้องมองหาเครื่องมือและ กลยุทธ์ 7Ps ซึ่งเป็นส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) ที่จะช่วยให้เข้าใจลูกค้าและตลาดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

บทความนี้ NerdOptimize จะพาไปเจาะลึกว่า 7Ps คืออะไร ทำไมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดสมัยใหม่ขาดไม่ได้ และจะนำไปปรับใช้เพื่อสร้างการเติบโตให้แบรนด์ของคุณอย่างยั่งยืนได้อย่างไร

7Ps Marketing คืออะไร?

7Ps Marketing คือ แนวคิดส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) ที่ขยายมาจากทฤษฎีดั้งเดิมอย่าง 4Ps เพื่อให้ครอบคลุมการทำการตลาด Digital Marketing ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจที่เน้นการบริการมากขึ้น 7Ps เป็นเฟรมเวิร์กที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ วิเคราะห์ 7Ps ในแง่มุมต่าง ๆ ของตัวเองได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ตัวสินค้าไปจนถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อวางกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

โดยแนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นว่า นอกเหนือจากสินค้า ราคา สถานที่ และโปรโมชั่นแล้ว ยังมีปัจจัยด้านพนักงาน กระบวนการทำงาน และปัจจัยที่จับต้องได้อื่น ๆ ที่ส่งผลอย่างมหาศาลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักชิ้นของลูกค้า

เช็กให้ชัวร์ 4Ps กับ 7Ps ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ 4Ps มาก่อน แต่ยังเกิดข้อสงสัยว่าแล้ว 7Ps ต่างจาก 4Ps อย่างไร?

ต้องอธิบายแบบนี้ว่าสำหรับกลยุทธ์ 4Ps หรือ 4P คือรากฐานของทฤษฎีการตลาด ประกอบด้วย Product, Price, Place, Promotion ซึ่งเน้นไปที่ตัว “สินค้า” เป็นหลัก แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป เทคโนโลยีพัฒนาขึ้น การแข่งขันในธุรกิจบริการดุเดือดมากขึ้น ทำให้ การแบ่งส่วนตลาด 7Ps มีความจำเป็น เพราะ 4Ps อาจไม่ครอบคลุมพอที่จะวิเคราะห์แบรนด์ได้อีกต่อไป

7Ps จึงถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเพิ่มอีก 3P’s เข้าไป ได้แก่ People, Process, และ Physical Evidence เพื่อให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ของลูกค้า” และ “การบริการ” มากขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้การวางกลยุทธ์มีความครอบคลุมกว่าเดิม

สรุปแบบง่าย ๆ คือ 7Ps เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ 4Ps ที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของตัวเอง โดยเฉพาะในมิติของการบริการและประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างรอบด้านและชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

TIPS : หรือก่อนที่จะเริ่มการวิเคราะห์ 7Ps (7Ps Analysis) ก็สามารถใช้ Marketing Framework อย่าง SWOT Analysis และใช้กลยุทธ์ STP คือ (Segmentation, Targeting, Positioning) เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและวางตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ก็จะช่วยให้การวาง 7Ps Marketing ของธุรกิจคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7Ps Marketing

7Ps Marketing มีอะไรบ้าง?

เพื่อให้เข้าใจ 7Ps Marketing มีอะไรบ้าง เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของแต่ละ P พร้อมตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนกันว่าแต่ละปัจจัยนั้นมีความสำคัญอย่างไรบ้าง 

Product (สินค้าและบริการ)

นี่คือสิ่งที่ธุรกิจเสนอขายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่จับต้องได้ หรือบริการที่จับต้องไม่ได้ก็ตาม สิ่งสำคัญคือ สินค้าหรือบริการนั้นต้องแก้ปัญหา (Pain Point) หรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้จริง รวมถึงต้องมีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้

ตัวอย่าง : ยกตัวอย่างแบรนด์ระดับโลกอย่าง Apple ที่มีผลิตภัณฑ์ iPhone พวกเขาไม่ได้มอง iPhone เป็นแค่โทรศัพท์มือถือธรรมดา ๆ แต่เป็นสินค้าที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ทรงพลัง (iOS) ภาพลักษณ์ที่ดูดี และ Ecosystem ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple ได้อย่างลงตัวที่สุด

Price (ราคา)

คือมูลค่าที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อแลกกับสินค้าหรือบริการ การตั้งราคาต้องสมเหตุสมผล สอดคล้องกับคุณภาพ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาราคาของคู่แข่งและกลยุทธ์การตั้งราคา (เช่น ตั้งราคาสูงเพื่อภาพลักษณ์พรีเมียม หรือตั้งราคาถูกเพื่อเจาะตลาดแมส) เป็นต้น

ตัวอย่าง : ยกตัวอย่างจากแบรนด์นาฬิกาข้อมือระดับ Luxury อย่าง Rolex ที่ตั้งราคาสูงลิ่วเพื่อสะท้อนถึงคุณภาพงานฝีมือ ความประณีตในการผลิต ความหรูหรายามที่ได้อยู่บนร่างกาย และการเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของผู้ที่ได้สวมใส่ 

Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย)

คือสถานที่หรือช่องทางที่ลูกค้าจะสามารถเข้าถึง ซื้อ หรือใช้บริการสินค้าของคุณได้ ในยุคนี้ไม่ได้มีแค่หน้าร้าน (Offline) แต่ยังรวมถึงช่องทางออนไลน์ทั้งหมด (Online) เช่น เว็บไซต์, E-marketplace, Social Media หรือแอปพลิเคชัน การเลือกช่องทางที่เหมาะสมจะทำให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง : ยกตัวอย่างแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย เพราะมีทั้งหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก และยังสามารถซื้อได้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์กับแอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา

Promotion (โปรโมชั่น/การส่งเสริมการขาย)

Promotion คือกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดทุกรูปแบบ เพื่อสร้างการรับรู้ จูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เช่น การโฆษณา, การทำ PR, การลด แลก แจก แถม, การตลาดออนไลน์ผ่าน Digital Marketing และการทำคอนเทนต์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของ 7Ps Marketing

ตัวอย่าง : อย่างแบรนด์น้ำอัดลมชื่อดังอย่าง Coca-Cola จัดแคมเปญ “Share a Coke” ที่พิมพ์ชื่อคนลงบนกระป๋อง เพื่อสร้างกระแสและทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สุดคลาสสิกในการส่งเสริมการขาย ฉีกกรอบเดิม ๆ ของกระป๋องน้ำอัดลมธรรมดา ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

People (บุคลากร)

ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาสำหรับกลยุทธ์ 7Ps ที่จะเริ่มให้ความสำคัญกับ ‘บุคลากรทุกคน’ ที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ตั้งแต่พนักงานขาย พนักงานต้อนรับ ไปจนถึงทีมบริการลูกค้า พนักงานเหล่านี้เปรียบเสมือน “หน้าตาของแบรนด์” การมีทีมงานที่มีใจบริการ (Service Mind) มีความรู้ในสินค้า และสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้ดี จะสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ

ตัวอย่าง : พนักงานของ Apple Store ที่มีความรู้ผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีและพร้อมให้คำแนะนำลูกค้าอย่างเป็นมิตร ช่วยให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อ หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อได้รับคำแนะนำที่ดี จนเชื่อใจและตัดสินใจที่จะมาซื้อสินค้าที่ Apple Store เป็นต้น

Process (กระบวนการ)

Process ถ้าแปลตรงตัวก็คือ ‘กระบวนการ’ หรือขั้นตอนทั้งหมดที่ลูกค้าต้องผ่านเพื่อรับสินค้าหรือบริการ ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดส่ง ไปจนถึงบริการหลังการขาย กระบวนการที่ดีต้อง สะดวก รวดเร็ว ราบรื่น และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าตลอดเส้นทาง Customer Journey 

ตัวอย่าง : ระบบการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน GrabFood ที่ลูกค้าสามารถเลือกเมนู จ่ายเงิน และติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันไปที่ไหน มีบริการเลือกชำระเงินหลายแบบ เพิ่มความสะดวกสบายให้ทุก Process ในการใช้งานของลูกค้า

Physical Evidence (องค์ประกอบที่จับต้องได้)

Physical Evidence คือทุกสิ่งที่ลูกค้ามองเห็นและสัมผัสได้ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ในโลกออนไลน์ “Physical Evidence” ที่สำคัญที่สุดก็คือเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง การ ออกแบบเว็บไซต์ ที่ดูเป็นมืออาชีพ, มีข้อมูลครบถ้วน, และใช้งานง่าย จะสะท้อนถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณได้เป็นอย่างดี 

นี่คือเหตุผลที่หลายธุรกิจเลือกใช้บริการจาก บริษัทรับทำ SEO ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่า Branding ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการรับรู้และประสบการณ์ของลูกค้า เป็น 7Ps ตัวสุดท้ายที่หลายธุรกิจมักจะมองข้ามไป แต่กลับกัน นี่คือปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ที่จะสร้างความแตกต่างในยุคที่การทำธุรกิจมีการแข่งขันสูงตลอดเวลา

ตัวอย่าง : หน้าตาของแพลตฟอร์ม Agoda ได้รับการ ออกแบบเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันให้ดูเป็นมืออาชีพ ใช้งานง่าย (User-friendly) มีระบบค้นหาและฟิลเตอร์ที่ละเอียด รวมถึงระบบ Review จากผู้เข้าพักจริง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ากำลังใช้งานแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ จนเกิดเป็นความมั่นใจในการใช้บริการของลูกค้า

ตัวอย่างการทำ 7Ps ของเหล่าแบรนด์ดัง 

เพื่อให้เห็นภาพการนำ 7Ps Strategy คืออะไรในทางปฏิบัติ เราจะลองนำกลยุทธ์นี้มาวิเคราะห์แบรนด์ระดับโลก 3 แบรนด์ให้ทุกคนได้เห็นภาพตามกันอย่างชัดเจนว่า แต่ละแบรนด์มีการกำหนด 7Ps Strategy อย่างไรบ้าง 

Starbucks

Starbucks คือตัวอย่างคลาสสิกของแบรนด์ที่ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขาย “ประสบการณ์” ผ่านการบริหารจัดการ 7Ps ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขาสามารถวางตำแหน่งตัวเองเป็น “บ้านหลังที่สาม” (The Third Place) นอกเหนือจากบ้านและที่ทำงานได้สำเร็จ

7Ps Strategy คือ

  • Product: ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่ขาย “ประสบการณ์” ผ่านกาแฟคุณภาพสูง เมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด และเมนูเครื่องดื่มตามฤดูกาลที่สร้างความตื่นเต้น
  • Price: ตั้งราคาสูงกว่าร้านกาแฟทั่วไป เพื่อวาง Brand Positioning ให้เป็นกาแฟพรีเมียม ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพและบรรยากาศที่ลูกค้าได้รับ
  • Place: ขยายสาขาไปในทำเลที่เข้าถึงง่าย เช่น ห้างสรรพสินค้า, อาคารออฟฟิศ, สนามบิน และมีบริการ Drive-Thru เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
  • Promotion: ใช้ระบบสมาชิก (Starbucks Rewards) เพื่อมอบสิทธิประโยชน์และสร้างความ Loyalty, ออกโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ในบางช่วงเวลา และทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ
  • People: บาริสต้า (พาร์ทเนอร์) ได้รับการอบรมมาอย่างดี สามารถแนะนำเครื่องดื่มและจดจำลูกค้าประจำได้ สร้างความรู้สึกเป็นกันเองและเป็นส่วนตัว
  • Process: มีกระบวนการสั่งและรับเครื่องดื่มที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มีระบบการสั่งผ่านแอปพลิเคชันล่วงหน้าเพื่อความรวดเร็วและลดเวลาในการรอคอย
  • Physical Evidence: การออกแบบร้านที่เป็นเอกลักษณ์, โลโก้สีเขียวที่คนจดจำได้, แก้วกาแฟที่มีชื่อลูกค้าเขียนอยู่, และบรรยากาศร้านที่น่านั่งทำงาน ทั้งหมดนี้คือ Physical Evidence ที่ช่วยเข้ามาสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ร้าน Starbucks ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

IKEA

IKEA ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านด้วยโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร โดย IKEA พิสูจน์ให้เห็นว่าสินค้าดีไซน์สวยไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับราคาที่แพงเสมอไป การวิเคราะห์ 7Ps ครั้งนี้จะทำให้เห็นว่า IKEA สร้างสมดุลระหว่างความคุ้มค่าและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างไร จนกลายเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อันดับหนึ่งในใจของผู้คนทั่วโลก

วิเคราะห์ 7Ps

  • Product : หัวใจของ IKEA คือเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สแกนดิเนเวียนในรูปแบบ Flat-pack ที่ให้ลูกค้านำไปประกอบเอง (Self-assembly) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและการขนส่งได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังมีของใช้ในบ้านและของตกแต่งครบวงจร
  • Price : ใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ (Low-price Strategy) ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบที่คำนึงถึงต้นทุน, การผลิตจำนวนมาก และการผลักภาระบางส่วน (การขนส่งและการประกอบ) ให้กับลูกค้า
  • Place : เน้นสโตร์ขนาดใหญ่ที่มักตั้งอยู่นอกเมืองเพื่อลดต้นทุนค่าที่ดิน และพัฒนาช่องทางออนไลน์ (E-commerce) อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย
  • Promotion : แคตตาล็อก IKEA ถือเป็นเครื่องมือการตลาดในตำนาน (ปัจจุบันปรับเป็นดิจิทัล) แต่กลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดคือการจัดแสดงสินค้าในรูปแบบ “ห้องตัวอย่าง” (Showroom) ที่สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการซื้อได้อย่างดีเยี่ยม ในการทำแคมเปญดิจิทัล พวกเขายังต้องคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนอย่าง ROAS คือการวัดผลว่าเงินที่จ่ายค่าโฆษณาไปนั้นสร้างยอดขายกลับมาได้คุ้มค่าหรือไม่
  • People : พนักงานมีหน้าที่ให้ข้อมูลแต่จะไม่เข้ามากดดัน เพื่อให้ลูกค้าได้เดินเลือกดูสินค้าอย่างอิสระ แต่ในขณะเดียวกัน โมเดลของ IKEA ยังมองว่า “ลูกค้า” ก็เป็นส่วนหนึ่งของ People ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง
  • Process : IKEA มีการออกแบบกระบวนการในการซื้อหน้าร้าน ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ “เส้นทางบังคับเดิน” (One-way Layout) ที่นำลูกค้าผ่านทุกแผนก ตั้งแต่โชว์รูมไปจนถึงโซนคลังสินค้า (Market Hall และ Self-serve Area) ที่ลูกค้าต้องไปหยิบสินค้าเองก่อนไปชำระเงิน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยลดต้นทุนด้านพนักงานได้อีกทาง
  • Physical Evidence : แม้จะไม่มีหน้าร้านให้สัมผัสโดยตรง แต่ Physical Evidence ในช่องทางออนไลน์ของ IKEA ก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เพราะบนเว็บไซต์ของ IKEA นั้นมีฟีเจอร์ในการทำ 3D Room Planner ที่ให้ลูกค้าทดลองจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้เสมือนจริง ไปจนถึง ฟีเจอร์ Augmented Reality (AR) ที่ให้ลูกค้าใช้กล้องมือถือเพื่อดูว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นจะเข้ากับห้องของตัวเองหรือไม่

Nike

Nike คือแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่ขายอุปกรณ์กีฬา แต่ขายแรงบันดาลใจ ความเป็นเลิศ และความเป็นนักสู้ผ่านสโลแกน “Just Do It” ซึ่งการวิเคราะห์ 7Ps จะทำให้เห็นว่าพวกเขาทำได้อย่างไร

กลยุทธ์ 7Ps ตัวอย่าง

  • Product : สินค้าของ Nike คือนวัตกรรมและประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่งที่ใช้เทคโนโลยี ZoomX หรือเสื้อผ้าที่ใช้เทคโนโลยี Dri-FIT นอกจากนี้ Nike ยังขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่โลกดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Nike Training Club และ Nike Run Club ซึ่งสร้าง Ecosystem ที่เชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับแบรนด์ได้มากกว่าการซื้อขาย
  • Price : ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาแบบหลายระดับ (Tiered Pricing) มีตั้งแต่สินค้าระดับเริ่มต้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ไปจนถึงสินค้าระดับพรีเมียมที่มีนวัตกรรมสูงสุดสำหรับนักกีฬามืออาชีพ การตั้งราคาสูงในสินค้ารุ่นท็อปช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและคุณภาพ
  • Place : ใช้กลยุทธ์ Omni-channel ที่แข็งแกร่ง มีทั้งหน้าร้านของตัวเอง (Niketown) ที่มอบประสบการณ์แบรนด์เต็มรูปแบบ, เว็บไซต์ Nike.com และแอปพลิเคชันที่มอบประสบการณ์ซื้อขายที่ไร้รอยต่อ และยังจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกพันธมิตรทั่วโลก
  • Promotion : เป็นเจ้าแห่งการตลาดเชิงอารมณ์และการสร้างเรื่องราว (Storytelling) การใช้พรีเซนเตอร์เป็นนักกีฬาระดับโลก (เช่น Michael Jordan, LeBron James) ไม่ใช่แค่การโฆษณา แต่เป็นการสร้างตำนานร่วมกัน และแคมเปญโฆษณาของพวกเขามักจะเน้นไปที่การเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง มากกว่าการขายสินค้าตรงๆ
  • People : พนักงานในร้าน Nike มักถูกเรียกว่า “Store Athletes” พวกเขาได้รับการอบรมให้มีความรู้ในผลิตภัณฑ์และมีความหลงใหลในกีฬา สามารถให้คำแนะนำเชิงลึกกับลูกค้าได้ ทำให้พนักงานเป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ที่สร้างความน่าเชื่อถือ
  • Process : สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย, บริการออกแบบรองเท้าด้วยตัวเอง “Nike By You”, ไปจนถึงนโยบายการคืนสินค้าที่สะดวกสบาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการซื้อ
  • Physical Evidence : โลโก้ “Swoosh” คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่คนจดจำได้มากที่สุดในโลก, การออกแบบร้าน Niketown ที่ทันสมัยและสร้างแรงบันดาลใจ, บรรจุภัณฑ์สินค้า (โดยเฉพาะกล่องรองเท้าสีส้ม) ล้วนเป็นสิ่งที่จับต้องได้และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์

7Ps คือกระจกที่ทำให้คุณมองเห็นแบรนด์ตัวเองอย่างชัดเจน

7Ps Marketing คือเครื่องมือวิเคราะห์การตลาดที่ทรงพลังและนำไปใช้งานได้จริง ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจ B2B คือ ที่เน้นการขายให้องค์กร หรือขายให้ลูกค้า B2C การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้ง 7 จะช่วยให้คุณมองเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการพัฒนาธุรกิจได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การปรับปรุงสินค้า การตั้งราคา ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า

แต่สำหรับใครที่อยากทำการตลาดบนเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร NerdOptimize เอเจนซี่รับทำ SEO มืออาชีพ พร้อมช่วยวิเคราะห์และวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ด้วยการทำ SEO ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกออนไลน์ ติดต่อเราได้เลยตอนนี้

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

อักษรพิเศษ

แจกอักษรพิเศษฟรี สัญลักษณ์พิเศษสร้างโพสต์ไม่ซ้ำใคร คลิกเลย!

รวมอักษรพิเศษน่าใช้ พร้อมวิธีแต่งข้อความให้สวย สะดุดตา เหมาะสำหรับโพสต์โซเชียล ตั้งชื่อเกม หรือทำคอนเทนต์ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร NerdOptimize แจกฟรี!

อ่านบทความ ➝
วิธีการออกแบบเว็บไซต์แบบมืออาชีพ

แจก 5 เทคนิคออกแบบเว็บไซต์ กับ 3 เทรนด์สำหรับเว็บไซต์ธุรกิจยุคใหม่

อยากให้เว็บสวย ดึงลูกค้าให้อยู่นานขึ้น ดูเทคนิคออกแบบเว็บไซต์ พร้อมสิ่งที่ต้องมีที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรพลาด! อัปเดตเทรนด์ Web Design ล่าสุด คลิกเลย!

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top