ในยุคที่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตครอบคลุมไปเกือบทุกอุตสาหกรรม และไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ทุกเมื่อ ทำให้การทำธุรกิจใด ๆ ในปัจจุบัน (และในอนาคต) จะต้องให้ความสำคัญกับ Digital Marketing หรือการตลาดออนไลน์ หากวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้ดี ก็มีโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จไม่แพ้ใครเลย
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Digital Marketing คืออะไร มีรูปแบบไหนบ้าง แล้วจะต้องวางกลยุทธ์แผนการตลาดอย่างไร เราจะมาปูให้ตั้งแต่พื้นฐานของ Digital Marketing เสียก่อน
Digital Marketing คืออะไร ?
Digital Marketing หรือการตลาดดิจิทัล หมายถึงการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ และใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลางระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อการเข้าถึงและสามารถสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้ ซึ่งลักษณะข้อมูลการขายนั้นสามารถทำได้ทั้งรูปแบบข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ อีกทั้งอาจไม่จำกัดเพียงแค่การโฆษณา แต่ไม่ว่าจะเป็นการจัดแคมเปญ กิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ หรือการรีวิวก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing ทั้งนั้น
Digital Marketing คือรูปแบบการตลาดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ไม่ว่าจะต้องการทำอะไรก็มักจะเริ่มต้นจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น การสั่งซื้อสินค้า การสืบค้นข้อมูล การรับข่าวสาร การติดต่อสื่อสาร ฯลฯ ยิ่งตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่การทำธุรกิจแบบออฟไลน์ถูกจำกัด ทำให้แนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้น จนทำให้พฤติกรรมของคนยุคใหม่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นหากคุณต้องการให้ธุรกิจของตนมีความสามารถในการแข่งขันและอยู่รอดในยุคนี้ การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและวางกลยุทธ์ให้เหมาะกับธุรกิจของตนที่สุด
Digital Marketing แตกต่างจาก Traditional Marketing อย่างไร ?
ไม่ว่าจะเป็น Digital Marketing หรือ Traditional Marketing ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำมาร์เก็ตติ้งเช่นกัน แต่ทั้ง 2 แบบนั้นกลับมีวิธีการรวมถึงการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
อย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่า Digital Marketing เป็นการตลาดที่อาศัยเครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลางผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น Social Media, Search Engine, Website, Application, Digital Billboard เป็นต้น
แต่ Traditional Marketing นั้นจะเป็นรูปแบบการทำตลาดแบบเดิมที่ไม่มีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางเพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น การติดป้ายโฆษณาตามถนน ระบบขนส่งสาธารณะ, การโฆษณาผ่านวิทยุหรือโทรทัศน์, การจัดบูธแสดงสินค้า หรือการทำสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นรูปแบบการตลาดที่สามารถสื่อสารช่องทางเดียว อีกทั้งยังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ในพื้นที่จำกัด
กลับกันกับการทำ Digital Marketing ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก หรือจะกำหนดเจาะกลุ่มเป้าหมายก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญยังเป็นการสื่อสารสองทาง ไม่เพียงแต่ส่งสารให้กลุ่มเป้าหมายได้เท่านั้นแต่แบรนด์ยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเป้าหมายได้อีกด้วย
“Digital Marketing, Online Marketing และ Social Media Marketing ดูเผิน ๆ แล้วอาจจะเป็นแผนการตลาดที่ไม่ต่างกันมาก แต่แท้จริงแล้ว Online Marketing เป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing และ Social Media Marketing ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Online Marketing ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
- Social Media Marketing คือการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instragram, TikTok, YouTube เป็นต้น
- Online Marketing คือการทำการตลาดโดยจำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อ ซึ่งอาจไม่จำกัดเพียงโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง Website, Content Marketing, Email Marketing อีกด้วย
- Digital Marketing คือการทำการตลาดที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลาง โดยไม่จำกัดว่าจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อ เพียงแค่มีการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบดิจิทัลอย่างเช่น Application, Digital Billboard, SMS ก็ถือว่าเป็นการทำการตลาดดิจิทัลแล้ว”
Digital Marketing มีอะไรบ้าง ? ทำความรู้จักช่องทางทำการตลาดดิจิทัลที่คนทำแบรนด์ต้องรู้
เข้าใจถึงความสำคัญของการทำ Digital Marketing กันไปแล้ว อันดับต่อไปที่นักการตลาดหรือคนทำแบรนด์ต้องรู้คือช่องทางการทำ Digital Marketing มีอะไรบ้าง แต่ละช่องทางมีจุดเด่นอะไร ดังนี้
SEO
Search Engine Optimization หรือ SEO คือส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing ที่มุ่งเน้นในการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ และช่วยให้แบรนด์เกิด Awareness ผ่านช่องทาง Search Engine อย่าง Google โดยการทำอันดับเพื่อให้เว็บไซต์ถูกค้นพบได้ง่ายด้วยการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพสูงและสอดคล้องกับ Algorithm ของ Search Engine
การที่จะทำให้เว็บไซต์ได้รับคัดเลือกจาก Algorithm เพื่อติดอันดับแรก ๆ ของการค้นหานั้นจะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น
- การทำ Research Keyword เพื่อคัดเลือก Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายของเรามักค้นหาและสามารถทำอันดับบน Google ได้
- การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายตามกฎเกณฑ์ EEAT และมีโครงสร้างการเขียนเป็นไปตามหลัก SEO อย่างเช่นการใช้ Keyword ที่เหมาะสม, การวางโครงสร้างเนื้อหา HTML Tags, การทำ Internal Links เป็นต้น
การทำ SEO นั้นจำเป็นจะต้องมีการวางกลยุทธ์ให้ดี และจำเป็นจะต้องอาศัยการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ Google ที่มักจะมีการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดอันดับได้อย่างยั่งยืน
SEM
Search Engine Marketing หรือ SEM คือการทำการตลาดผ่าน Search Engine (SEO ก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่หากพูดถึง SEM แล้วอย่างแรกที่เรามักจะนึกถึงก็คือการทำ Google Ads ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในหน้าแรกเมื่อมีการค้นหาด้วย Keyword ที่กำหนดไว้ เมื่อมีคนคลิกเข้าก็จะมีการเรียกเก็บเงินไปตามจำนวนคลิกที่เกิดขึ้น
การทำ Google Ads สามารถเพิ่มยอด Traffic ได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาสั้น อย่างไรก็ตามการทำ Google Ads นั้นอาจทำให้คุณต้องเสียงบประมาณทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกเข้ามา จึงเหมาะกับการทำในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
Social Media Marketing
Social Media Marketing กลายเป็นอีกช่องทางของการทำ Digital Marketing ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก ด้วยพฤติกรรมของคนในยุคนี้ที่ใช้โซเชียลมีเดียในการพูดคุย รับและส่งข้อมูลข่าวสารกันเป็นหลัก ซึ่งการทำการตลาด Social Media Marketing นั้นอาจทำได้ทั้งการทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่ม Engagement หรือการยิงแอดเพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างยอดขายก็ได้ทั้งนั้น อีกทั้งการทำ Social Media Marketing ยังมีข้อดีที่ช่วยให้แบรนด์และกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงกันง่ายขึ้นด้วย
Email Marketing
การทำ Email Marketing ก็เป็นอีกช่องทางการตลาดดิจิทัลที่ช่วยรักษากลุ่มลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำได้ด้วยการแจ้งข้อมูลข่าวสาร หรือการแนะนำโปรโมชันให้กับลูกค้า จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้าง Brand Loyalty ได้ อีกทั้งรูปแบบการส่งสารของ Email Marketing มักจะมีความทางการระดับหนึ่งจึงเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
Content Marketing
ไม่ว่าจะทำ Digital Marketing ผ่านช่องทางไหน แต่ Content Marketing จะเป็นหัวใจหลักของการทำ Digital Marketing เพราะคอนเทนต์หรือการส่งสารให้กับกลุ่มเป้าหมายจำเป็นจะต้องสื่อถึงแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และสามารถโน้มน้าวให้เกิด Conversion จากกลุ่มเป้าหมายสู่ลูกค้าได้ด้วย ซึ่งการทำ Content Marketing นั้นสามารถทำได้ทั้งรูปแบบการให้ความรู้ เพื่อความบันเทิง หรือการสร้างแรงบันดาลใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นและให้ความสนใจในแบรนด์ของเรา
แชร์เทคนิคสร้างแผนการตลาด วางกลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing
Digital Marketing มีหลายช่องทางและหลายเทคนิคในการทำ แต่จะเริ่มจากตรงไหน ใช้แผนการตลาดรูปแบบไหนดี ไปดูเทคนิคสร้างแผนการตลาดเพื่อให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ ดังนี้
เริ่มต้นทำ SWOT Analysis
ก่อนจะรู้เขา ต้องรู้เราก่อน ดังนั้นก่อนจะไปดูในเรื่องการทำ Digital Marketing การทำ SWOT Analysis วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจของตนจะช่วยให้มองเห็นถึงโอกาสและอุปสรรค เมื่อประเมินภาพรวมขององค์กรได้ก็จะนำมาสู่การวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะกับเป้าหมายขององค์กร
ทำความรู้จัก SWOT Analysis เครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจที่ทุกองค์กรต้องรู้จัก อ่านต่อได้ที่ : SWOT
วางกลยุทธ์ Marketing Mix ทั้ง 4P และ 7P
Marketing Mix หรือส่วนผสมทางการตลาด หนึ่งในกลยุทธ์ที่คนทำแบรนด์ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น 4P 4 หัวใจหลักของวงจรธุรกิจ Product, Price, Place, Promotion ที่ช่วยให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการได้ถูกใจทั้งเจ้าของธุรกิจและลูกค้า หรือจะเป็น 7P ที่มีอีก 3P อย่าง People, Process และ Physical Evident มาช่วยให้ส่งเสริมการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การยึดหลัก Marketing Mix ทั้ง 4P และ 7P สำหรับการทำ Digital Marketing จะช่วยให้เข้าใจตลาด สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อการทำธุรกิจที่สามารถเติบโตและยั่งยืน
วางแผนการทำงานด้วย PDCA
การทำ Digital Marketing ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องไม่ลืมวางแผนการทำงานด้วย Plan-Do-Check-Act หรือ PDCA คือเครื่องมือปรับปรุงให้การบริหารงานสามารถทำเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การวางแผน ลงมือทำ ตรวจสอบผล และปรับปรุง ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การทำธุรกิจสามารถเกิดการเติบโตและพัฒนาได้แบบไร้ขีดจำกัด
นำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน
AI Marketing หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการทำ Digital Marketing เพราะเป็นทั้งผู้ช่วยที่ไม่มีวันเหนื่อย สามารถทำงานให้เราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยวิเคราะห์และเจาะกลุ่มเป้าหมายให้เราด้วยข้อมูลที่เก็บมาปริมาณมหาศาล และไม่ว่าคุณต้องการเปลี่ยนรูปแบบการขาย การใช้ AI ก็สามารถทำให้เราได้ทันที
ยกตัวอย่าง AI Marketing ที่พบเห็นได้บ่อย เช่น Chatbot ช่วยลดการทำงานรูปแบบซ้ำ ๆ การที่ Social Media เก็บข้อมูลผู้ใช้งานเพื่อเลือกนำเสนอคอนเทนต์และโฆษณาที่สามารถดึงดูดผู้ใช้งาน หรือแม้แต่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วย AI โดยกำหนดให้สร้างผลงานที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ทันที
ทำการติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์การทำงานอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะวางแผนอะไร การติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์นั้นยังเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การวางแผนการตลาด Digital Marketing ของคุณจะประสบความสำเร็จจริงหรือไม่ การวัดผลจะเป็นตัวบอกทิศทางว่าจะต้องดำเนินงานต่อไปอย่างไร เพื่อไปสู่เป้าหมายในธุรกิจของคุณ
ประโยชน์ของการทำ Digital Marketing มีอะไรบ้าง ?
Digital Marketing แผนการตลาดยุคใหม่ที่นักการตลาดควรนำมาใช้เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถอยู่รอดและเติบโตได้บนตลาดปัจจุบัน ซึ่งประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทำการตลาดดิจิทัลมีอะไรบ้าง เราได้รวบรวมมาให้แล้ว
- Digital Marketing ช่วยให้การทำการตลาดตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วยฐานข้อมูล
- ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็สามารถเข้าถึงได้ ทำให้สามารถทำการตลาดได้อย่างมีคุณภาพ
- Digital Marketing ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดกับกลุ่มที่ไม่ใช่เป้าหมาย เพราะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเจาะจง
- Digital Marketing ช่วยส่งเสริมการสื่อสารสองทาง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ก็สามารถทำได้ง่าย
- Digital Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และยังสามารถสำรวจคู่แข่งได้อีกด้วย
- Digital Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ และรักษากลุ่มลูกค้าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวางแผนทำ Digital Marketing ให้ดีและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้องค์กรได้ประโยชน์จากแผนการตลาดนี้อย่างแน่นอน
บทสรุปของ Digital Marketing การตลาดยุคใหม่ที่ทุกธุรกิจต้องใส่ใจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมถึงตัวเลือกที่มากขึ้น การทำการตลาดในยุคนี้จึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เท่าทันและสามารถอยู่รอดได้ การทำ Digital Marketing ได้กลายเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถแข่งขัน พัฒนา และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
NerdOptimize บริษัทรับทำ SEO ที่พร้อมจะเป็นเบื้องหลังสู่การเติบโตในช่องทางออนไลน์ เพิ่มโอกาสการสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจด้วยกลยุทธ์ SEO ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ โดยผ่านการวางแผนด้วย Data ทั้งหมด พร้อมกำหนด KPIs และรายงานความคืบหน้าให้ลูกค้าสามารถเห็นถึงผลลัพธ์หลังทำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป