Home - CRO - Customer Data Platform (CDP) คืออะไร? พลิกข้อมูลลูกค้าให้กลายเป็นยอดขายอย่างยั่งยืน

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร? พลิกข้อมูลลูกค้าให้กลายเป็นยอดขายอย่างยั่งยืน

CDP คืออะไร

ธุรกิจในยุคปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) และหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดก็คือ CDP คือ Customer Data Platform ที่ช่วยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางอย่างเป็นระบบ การใช้ Customer Information อย่างถูกต้องผ่าน CDP จะทำให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม และสามารถออกแบบการตลาดที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น

บทความนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า Customer data platform คืออะไร และทำงานอย่างไร จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและยกตัวอย่างการใช้งานจริงเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

Key Takeaway 

  • CDP คือ หัวใจของ Data-driven Marketing ที่ช่วยให้ธุรกิจเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้า (Customer Data) จากทุก Touchpoint ได้อย่างเป็นระบบ พร้อมนำไปใช้สร้าง Customer Profile แบบ 360 องศา
  • ประโยชน์ของฐานข้อมูลลูกค้าจะช่วยทำให้นักการตลาดสามารถทำ Personalization, A/B Testing, ลด Bounce Rate และเพิ่ม Conversion ได้จริงจากข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ
  • ในหลายธุรกิจยืนยันว่า CDP ช่วยเพิ่ม ROI, Loyalty และ Conversion โดยตรง เป็นเครื่องมือที่เปลี่ยน Data ให้กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ได้จริง
  • แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจต้องใช้ CDP ทันที หากเว็บไซต์ยังไม่ติดอันดับหรือยังไม่มีระบบเก็บข้อมูลที่แข็งแรง แนะนำให้เริ่มจากการทำ SEO และ CRO เพื่อสร้างรากฐานให้ธุรกิจเติบโต จากนั้นจึงต่อยอดสู่การใช้ CDP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร?

Customer Data Platform (CDP)

CDP คือ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย หรือระบบ CRM โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบรวมศูนย์ที่แม่นยำและใช้งานได้จริง CDP ย่อมาจาก Customer Data Platform ซึ่งหมายถึงเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ลึกขึ้น และสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการสร้างแคมเปญการตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรม และการออกแบบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง Customer data platform จะช่วยเปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ธุรกิจเข้าถึง Customer Insight คือ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่สามารถนำไปต่อยอดในการทำกลยุทธ์แบบ Personalized และเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟีเจอร์หลักของ CDP มีอะไรน่าสนใจบ้าง?

CDP คือ เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมและจัดการข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ นี่จึงเป็น 5 ฟีเจอร์หลักที่มักพบใน Consumer data platform ที่ธุรกิจต้องการ ได้แก่

  • การรวมศูนย์ข้อมูลลูกค้าจากหลายช่องทาง 

CDP สามารถดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย อีเมล และ Call Center มารวมกัน เพื่อสร้าง Customer Profile ที่แม่นยำ ครอบคลุมลูกค้าที่เข้าถึงแบรนด์จากหลากหลายช่องทาง

  • การสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา 

เมื่อสามารถ Mapping ข้อมูลลูกค้าที่มาจากหลาย Touchpoint ได้แล้ว ระบบจะทำการประมวลผลเพื่อสร้างมุมมองลูกค้าแบบเจาะลึก ทำให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรม ความสนใจ และเส้นทางการซื้อ (Customer Journey) ได้อย่างครบถ้วน

  • การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

CDP ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเก็บข้อมูลลูกค้า แต่ยังช่วยวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น แสดงผล Heat map ที่บอกพฤติกรรมการคลิกบนเว็บไซต์ หรือรายงานการใช้งานที่เชื่อมโยงกับ user flow และ usability testing เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าจากช่องทางออนไลน์

  • การทำ Segmentation และ Personalization

ระบบสามารถทำ Segement คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมหรือข้อมูลประชากร ทำให้การสื่อสารทางการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล โปรโมชั่น หรือคอนเทนต์ที่ตรงใจไปยังลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

  • การเชื่อมต่อกับเครื่องมือ Martech อื่นๆ

จุดแข็งของ CDP คือความสามารถในการทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ เช่น DMP (Data Management Platform), ระบบ CRM หรือเครื่องมือ Marketing Automation อื่น เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

Customer Data Platform (CDP) เหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง?

Customer Data Platform (CDP) ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ Customer Data จากทุก Touchpoint ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ การนำข้อมูลเหล่านี้มาเชื่อมโยงกันจะทำให้แบรนด์สามารถออกแบบประสบการณ์ที่สอดคล้องกับ User Journey ของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น

CDP จึงเหมาะกับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น

  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce & Online Retail) ที่ต้องการเข้าใจพฤติกรรมการเลือกซื้อของลูกค้า เช่น การคลิก การค้นหา ประวัติการสั่งซื้อ ฯลฯ เพื่อนำมาปรับแคมเปญโปรโมชั่นและแนะนำสินค้าได้ตรงความสนใจของลูกค้ามากขึ้น
  • ธุรกิจบริการ (Hospitality, Travel, Food & Beverage) ที่ต้องการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การจองบริการ ไปจนถึงการติดตามผลหลังการใช้บริการ
  • ธุรกิจการเงินและประกัน (Finance & Insurance) ที่ใช้ customer Data เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง และทำ Personalization ของผลิตภัณฑ์ เช่น ข้อเสนอสินเชื่อ หรือแพ็กเกจประกันที่เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้า
  • ธุรกิจที่มุ่งเน้นการออกแบบ UX/UI เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า สำหรับแบรนด์ที่ต้องการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานดิจิทัล การเชื่อม CDP เข้ากับ ux ui คือ ส่วนสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดและนักออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเข้าใจว่าลูกค้าโต้ตอบกับเว็บไซต์หรือแอปฯ อย่างไร และสามารถจะแก้ Pain Point ได้ตรงจุดมากขึ้น

CDP สำคัญกับการตลาดในยุคดิจิทัลยังไง?

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจนั้นดุเดือด ข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการทำการตลาด การใช้ CDP คือ ก้าวสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าได้อย่างแท้จริงและขับเคลื่อนกลยุทธ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

จัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ

การรวมข้อมูลทุกจุดสัมผัสเข้าด้วยกันด้วย CDP ไม่ว่าจะเป็นการซื้อออนไลน์ ประวัติการใช้งาน หรือการมีปฏิสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ประโยชน์ของฐานข้อมูลลูกค้าคือ การที่ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอดสำหรับการทำการตลาดได้อย่างเป็นระบบ พร้อมช่วยสามารถสร้างกลยุทธ์ที่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น แบรนด์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ข้อมูลการค้นหาและการซื้อเพื่อออกโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าได้ตาม Segmentation ที่วางแผนไว้

ช่วยเพิ่มระดับ Customer Engagement

เมื่อธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น การสร้าง Customer Engagement คือ หัวใจที่ตามมา CDP จะช่วยทำให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าได้ตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล โปรโมชั่น หรือคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม ส่งผลให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวได้อย่างยั่งยืนกว่าเดิมจากข้อมูลที่มีและรูปแบบการทำ Marketing ที่ตรงใจ

ช่วยยกระดับการทำการตลาดด้วย A/B Testing

การทำ A/B Testing จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ CDP เป็นฐานข้อมูล เพราะนักการตลาดสามารถทดสอบข้อความ โปรโมชั่น หรือ UX/UI กับกลุ่มลูกค้าที่แบ่งไว้แล้วได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์จึงแม่นยำและสะท้อนพฤติกรรมจริง ทำให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าจะใช้กลยุทธ์ไหนต่อไป

ลด Bounce Rate และเพิ่ม Conversion

CDP ยังช่วยวิเคราะห์สาเหตุของการเกิด Bounce Rate คือ อัตราการออกจากหน้าเว็บเร็วเกินไป เช่น ลูกค้าเจอคอนเทนต์ที่ไม่ตรงกับความต้องการ หรือประสบการณ์การใช้งานไม่ดี เมื่อนักการตลาดมีข้อมูลเชิงลึกก็สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น ปรับ UX/UI, เปลี่ยน Landing Page, ทำ Personalization ฯลฯ ให้ตรงกับลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้ Conversion สูงขึ้น

วัดผลและพัฒนากลยุทธ์ด้วย Benchmarking

CDP ยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถทำ Benchmarking คือ การวัดผลเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรม หรือเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ในอดีตของตัวเอง ตัวอย่างเช่น แบรนด์อีคอมเมิร์ซสามารถดูได้ว่าการทำแคมเปญ Personalized ลด Bounce Rate ลงกี่เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่ม Conversion Rate ขึ้นมากน้อยเพียงใด การมีข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักการตลาดปรับกลยุทธ์ได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ

ประโยชน์ของการใช้ CDP

CDP ช่วยจัดเก็บข้อมูลแบบไหนได้บ้าง?

CDP คือ ศูนย์กลางที่ทำให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ ทุก Touchpoint ของลูกค้าจะบันทึกเป็น Data Customer ที่สามารถนำไปวิเคราะห์และต่อยอดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดได้ การจัดเก็บข้อมูลด้วย CDP จึงไม่ใช่แค่การรวบรวม แต่ยังช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และยังสอดคล้องกับมาตรการ Data Privacy คือ การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจด้วย

มาดูกันดีกว่าว่า CDP ช่วยจัดเก็บข้อมูลแบบไหนได้บ้าง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า (Identity Data)

ข้อมูลนี้ช่วยระบุตัวตนลูกค้าแต่ละรายได้ชัดเจน เพื่อใช้สร้างโปรไฟล์กลางที่เชื่อมโยงทุกช่องทาง เช่น

  • ข้อมูลพื้นฐาน (Basic Information) เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ไปจนถึง Contact Information เช่น Social Media ที่ใช้ เป็นต้น
  • ข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographic Information) เช่น อายุ เพศ อาชีพ รายได้ ฯลฯ ซึ่งใช้สำหรับสร้าง Segmentation เบื้องต้น
  • ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ (Account Information) เช่น Username, Password, เลขบัญชีสมาชิก ฯลฯ ทำให้ธุรกิจติดตามการโต้ตอบกับลูกค้าได้ในทุกระบบ

ข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมลูกค้า (Descriptive Data)

ข้อมูลที่สะท้อนถึงความสนใจ พฤติกรรมการใช้งาน และความต้องการของลูกค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น 

  • Consumer Insight ตัวอย่างเช่น ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ งานอดิเรก ซึ่งนำมาทำ Segment เพื่อแบ่งกลุ่มของลูกค้าตามความสนใจได้ เช่น ลูกค้ากลุ่มหนึ่งสนใจสินค้าแฟชั่น อีกกลุ่มสนใจสินค้าเทคโนโลยี เป็นต้น
  • Engagement Insights อย่างเช่น ข้อมูล Session คือ ข้อมูลการเข้าใช้งานแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่เว็บไซต์ การล็อกอินผ่านแอป หรือการคลิกโฆษณา ซึ่งนับเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการวัดพฤติกรรมของลูกค้าบนช่องทางออนไลน์
  • Device Insights เป็นการใช้งานอุปกรณ์ เช่น ลูกค้าเข้าเว็บผ่านมือถือหรือเดสก์ท็อป ข้อมูลนี้ใช้ในการปรับ UX/UI ให้เหมาะสมกับช่องทางที่ลูกค้าใช้งานจริง
  • Location & Social Data จะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง และการเชื่อมโยงกับบัญชีโซเชียล เช่น Facebook, Twitter ฯลฯ ทำให้การวิเคราะห์แม่นยำขึ้น
  • ข้อมูลเชิงสังคม เช่น จำนวนสมาชิกในครอบครัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต ฯลฯ จะมีประโยชน์ในการสร้างแคมเปญการตลาดแบบเจาะกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่และเด็ก, กลุ่มคนโสดที่อาศัยอยู่คนเดียว ฯลฯ

CDP, DMP, CRM, Customer Profiling, Personalized Experience ต่างกันอย่างไร?

ในโลกของ Martech มีหลายเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อเก็บ วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลลูกค้า แต่ละเครื่องมือมีบทบาทต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมได้มากขึ้น และนี่คือความแตกต่างของแต่ละเครื่องมือ 👇

เครื่องมือคืออะไรใช้ทำอะไรเป็นหลักข้อจำกัด
CDP (Customer Data Platform)CDP คือ ระบบรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าจากทุก Touchpoint แบบระบุตัวตนได้ใช้ First-party data แบบ Real-time เพื่อสร้าง Customer Profile ใช้ต่อยอดทำการตลาดแบบ Personalizationลงทุนสูง ต้องวางโครงสร้าง Data และ Integrate กับระบบอื่น
DMP (Data Management Platform)DMP คือ ระบบที่เก็บข้อมูลจาก Third-party หรือ Anonymous Data (ไม่ระบุตัวตน)ใช้ทำ Audience Segmentation และ Retargeting ด้วย Third-party Data ในสเกลใหญ่ข้อมูลไม่เจาะลึกรายบุคคล และได้รับผลกระทบจากกฎคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ทำให้เก็บข้อมูลไว้ได้ในระยะสั้น
CRM (Customer Relationship Management)CRM คือ ซอฟต์แวร์จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าบันทึกประวัติการติดต่อ การขาย และบริการลูกค้า ทำให้ทีม Sales/Support ทำงานได้ต่อเนื่องไม่ได้รวมข้อมูลจากทุก Touchpoint หรือ Real-time
Customer ProfilingCustomer Profiling คือ การสร้างโปรไฟล์ลูกค้าจากข้อมูลพื้นฐานและพฤติกรรมใช้ทำ Segmentation และทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ง่ายต่อการทำ Insight เบื้องต้นขึ้นอยู่กับคุณภาพข้อมูล ไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ
Personalized ExperiencePersonalized Experience คือ กลยุทธ์การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคลส่งมอบ Content หรือ Offer ที่ตรงกับความต้องการ พร้อมสร้าง Loyalty ระยะยาวต้องอาศัย Data จาก CDP หรือ CRM เพื่อทำงานได้จริง

ตัวอย่างการใช้งาน Customer Data Platform (CDP) กับธุรกิจต่าง ๆ 

ธุรกิจสามารถปรับใช้ CDP ได้กับหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการตลาดและสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ตรงใจลูกค้า และนี่คือตัวอย่างการประยุกต์ใช้ CDP Marketing ใน 3 ประเภทธุรกิจที่เห็นภาพชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น

  • ธุรกิจยานยนต์ 

ยกตัวอย่างเช่น Subaru ใช้ CDP สร้าง Single Customer View จากข้อมูลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ทำให้ระบบเดิมได้รับผลกระทบ ผลลัพธ์ที่ได้ เช่น สามารถสร้าง Segmentation พฤติกรรม โดยใช้ AI คำนวณกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มซื้อจริง, เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา ได้ถึง 14.5 เท่า เป็นต้น

  • ธุรกิจความงาม

ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรม Beauty Insider ของ Sephora ใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อแนะนำสินค้าที่เหมาะกับแต่ละคน มอบข้อเสนอพิเศษ และส่งต่อเคล็ดลับความงามที่ตรงกับความชอบด้าน Skincare และ Makeup ของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งทำให้เห็นว่า CDP ช่วยขับเคลื่อนการทำ Look-alike Modeling ซึ่งเพิ่มพลังให้กับแพลตฟอร์มโฆษณา ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อโปรโมตสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงเป้าและมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการทำ Cross-selling และ Upselling อีกด้วย

  • ธุรกิจธนาคาร

SMBC (Sumitomo Mitsui Banking Corp.) คือหนึ่งในธนาคารรายใหญ่ในญี่ปุ่นที่ใช้ CDP เป็นฐานข้อมูลลูกค้าแบบกลางเพื่อสร้าง Customer Journey ที่สอดคล้องและแม่นยำจากข้อมูลทุกบริการในองค์กร เช่น แอป Olive, การสื่อสารผ่านอีเมล และอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ช่วยเพิ่มอัตรา Conversion ช่วยให้ทดลองแคมเปญใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น และปรับกลยุทธ์ได้เร็ว และอัตโนมัติมากขึ้น จากการสร้างกฎในการทดสอบก่อนนำไปใช้งานจริง เช่น เริ่มแคมเปญแบบทดลอง (A/B) และนำมาใช้จริงเมื่อได้รับผลตอบรับที่ดี

สรุปแล้ว CDP คือเครื่องมือที่ธุรกิจคุณควรลงทุนหรือไม่?

อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเห็นชัดเจนแล้วว่า CDP คือหัวใจของการทำการตลาดดิจิทัลในยุค Data-driven เพราะ CDP มีส่วนช่วยให้ธุรกิจจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบจากทุก Touchpoint เปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าเชิงลึก ทั้งด้านพฤติกรรม ความสนใจ และเส้นทางการซื้อ ธุรกิจจึงขับเคลื่อนการตลาดแบบ Personalization ได้จริง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกธุรกิจต้องใช้ CDP ทันที เพราะเป็นเครื่องมือที่ลงทุนสูง และต้องวางระบบที่ซับซ้อน ซึ่งถ้าหากธุรกิจของคุณมีความพร้อมทั้งด้านทรัพยากรและข้อมูลที่จำเป็นต้องเก็บในหลายช่องทาง การใช้ CDP ก็จะเป็น Game Changer ที่คุณไม่ควรมองข้าม

แต่ถ้าพื้นฐานด้านการทำการตลาดของธุรกิจยังไม่แข็งแรง เว็บไซต์ยังทำงานเพื่อสร้าง Lead ได้ไม่ดีพอ หรือยังทำ User Journey ในหลาย Touchpoint ยังไม่ครบถ้วน แนะนำให้ปรึกษากับบริษัทรับทำ SEO อย่าง NerdOptimize เราพร้อมวางกลยุทธ์ให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google อย่างมั่นคงจากผู้เชี่ยวชาญรับทำ SEO ที่เข้าใจทั้ง Search Engine และ Customer Data รวมถึงเรายังรับทำ CRO เพื่อปรับปรุงอัตราการแปลง (Conversion Rate) ให้สูงขึ้น ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และทดสอบเชิงลึกให้กับธุรกิจ เพื่อปูพื้นฐานด้านการทำการตลาดและนำไปต่อยอดสู่การใช้เครื่องมืออื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ไม่ว่าธุรกิจคุณจะอยู่ในจุดเริ่มต้น หรือกำลังเติบโต NerdOptimize พร้อมช่วยสร้างฐานการตลาดที่แข็งแรง เพื่อให้คุณก้าวสู่การทำการตลาดได้อย่างมั่นใจ ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 

CDP เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?

แม้ว่าโดยทั่วไปจะถูกนำไปใช้โดยองค์กรขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบัน CDP บางรายนำเสนอโซลูชันที่ปรับขนาดได้และราคาไม่แพงมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการปรับปรุงการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้เหมือนกัน

ตัวอย่างแพลตฟอร์ม CDP ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง?

แพลตฟอร์ม CDP ยอดนิยมได้แก่ Salesforce Customer 360, Segment, Tealium, Adobe Experience Platform และ Bloomreach ผู้ให้บริการ Marketing Cloud จำนวนมากก็มีฟังก์ชัน CDP ด้วยเช่นกัน

CDP สามารถผสานรวมกับเครื่องมือการตลาดอื่นๆ ได้หรือไม่?

ได้ การผสานรวมกับเครื่องมือการตลาดอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะนำมาใช้ร่วมกับระบบ CRM หรือ Marketing Tools อื่น ๆ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่ต้องการ

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

ลบลายน้ำ TikTok

10 วิธีลบลายน้ำ TikTok ด้วยวิธีง่าย ๆ ทำตามได้ทั้งสมาร์ตโฟน iOS และ Android

เรียนรู้วิธีลบลายน้ำ TikTok ง่าย ๆ ด้วยแอปและเครื่องมือต่าง ๆ ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ อัปเดตล่าสุด ใช้งานได้จริง ปลอดภัย ไม่เสียคุณภาพวิดีโอ จาก NerdOptimize

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top