ในปัจจุบันการทำ SEO กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก ๆ สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องการสร้างการรับรู้ สร้างยอดขายผ่านเว็บไซต์ในโลกออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์การทำ SEO ที่ธุรกิจแบรนด์ใหญ่ระดับโลกเลือกใช้กันก็คือ Enterprise SEO ที่เป็นเทคนิคในการทำ SEO ที่เหมาะสำหรับธุรกิจแบรนด์ใหญ่ แบรนด์ระดับประเทศที่เป็นผู้นำตลาด เพราะจะมีวิธีการบางอย่างที่แตกต่างกับการทำ SEO แบบปกติ
ในบทความนี้ เราเลยขอพาทุกคนมาเจาะลึกถึงการทำ Enterprise SEO ว่าคืออะไร แตกต่างจาก SEO ปกติอย่างไร และมีวิธีการทำ Enterprise SEO เบื้องต้นอย่างไรบ้าง
Enterprise SEO คืออะไร?
Enterprise SEO คือการทำ SEO สำหรับองค์กรหรือแบรนด์ขนาดใหญ่ เป็นกลยุทธ์การทำ SEO ที่ครอบคลุมเว็บไซต์จำนวนหลายหน้า หลายเว็บเพจภายในองค์กร ซึ่ง Enterprise SEO มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการรับรู้และส่งเสริมการมองเห็นของแบรนด์จากลูกค้าในการค้นหาผ่าน Search Engine อย่าง Google ซึ่งช่วยส่งเสริมการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) สร้างยอดขาย ยอดคำสั่งซื้อ จนนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจได้
ทำไม Enterprise SEO ต่างกับการทำ SEO ปกติ ?
หลายคนอาจคิดว่าการทำ Enterprise SEO นั้นเป็นอีกหนึ่งส่วนของการทำ SEO แบบปกติ แต่ความจริงแล้วต้องบอกว่า ‘ไม่ใช่ทั้งหมด’ เพราะการทำ Enterprise SEO นั้นมีความแตกต่างกันกับ SEO ปกติหลายปัจจัยดังนี้
- ขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์ : ต้องอธิบายก่อนว่าองค์กรขนาดใหญ่ แบรนด์ใหญ่ระดับโลก มักจะมีเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกัน มีหน้าเว็บนับพัน นับหมื่นหน้า มี Site Structure หลายโครงสร้าง ทำให้การทำ Enterprise SEO มีความซับซ้อนมากกว่าการทำ SEO แบบปกติ ที่โครงสร้างของเว็บไซต์ไม่ได้ใหญ่เท่า
- ปริมาณทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ : Enterprise SEO จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรบุคคลจำนวนมากในการปฏิบัติงาน มีทีมงาน SEO Specialist แบบ In-House หรือไม่ก็ต้องจ้าง เอเจนซี่รับทำ SEO โดยเฉพาะ ใช้งบประมาณในการทำ SEO จำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากการทำ SEO ปกติที่อาจมีบุคลากรจำกัด สามารถจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO ขนาดเล็กเข้ามาดูงานเป็นโปรเจ็กต์ได้
- สามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า : Enterprise SEO เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรขนาดใหญ่ การเพิ่มการรับรู้และการมองเห็นสำหรับแบรนด์ในหน้าการแสดงผลการค้นหา (SERP) ซึ่งถือว่ามีความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจมาก ดังนั้นองค์กรขนาดใหญ่ จึงต้องอาศัยการมีกลยุทธ์ Enterprise SEO ระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพ ถึงจะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตในโลกออนไลน์ให้กับธุรกิจได้นั่นเอง
- มี SEO Metrics ที่ชี้วัดการเติบโตได้อย่างชัดเจน : การทำ Enterprise SEO นั้นคือการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจผ่านทางช่องทางเว็บไซต์ ดังนั้น Metrics หรือค่าที่ชี้วัดผลลัพธ์ในการทำ Enterprise SEO จะมีความละเอียดมากกว่าการทำ SEO แบบปกติ เช่น เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic), เพิ่มค่า Page Speed หรือ Dwell Time, เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ (Conversion Rate) หรือเพิ่ม Average Position ของ Keyword ที่ต้องการติดอันดับ
- การใช้ SEO Tools ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมทุกด้าน : ในการทำ Enterprise SEO องค์กรจะต้องมีงบประมาณเพื่อการลงทุนใช้ SEO Tools ขั้นสูง ที่มีฟีเจอร์ในการวิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ของการทำ SEO แบบละเอียดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ SEO ขององค์กรทุกวันเช่น Ahrefs, Screaming Frog ฯลฯ ซึ่งจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการทำงานในทุกองศาของการทำ SEO มากกว่า SEO Tools ตัวอื่น ๆ ที่ใช้ฟรีในการทำ SEO สำหรับองค์กรขนาดเล็ก
ดังนั้น ความแตกต่างหลัก ๆ ของ Enterprise SEO กับการทำ SEO ปกติ คือความละเอียดซับซ้อนที่มีมากกว่า มีการวัดผลลัพธ์ที่ครอบคลุมรอบด้านมากกว่า และต้องสามารถสร้างการเติบโต สร้างยอดขายให้ธุรกิจได้จริง ๆ มากกว่าแค่การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้า 1 หรืออันดับ 1 ของหน้า SERP แต่เพียงอย่างเดียว
1. เลือก SEO Agency ที่มีประสบการณ์ในการทำ Enterprise SEO
เลือก Agency ที่มีประสบการณ์ใน Enterprise SEO เข้าใจความซับซ้อนของเว็บไซต์ขนาดใหญ่ และเคยทำงานกับธุรกิจในอุตสาหกรรมของคุณ โดยให้ลองขอ Portfolio ผลงานที่ผ่านมา ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ทำได้ และความพึงพอใจของลูกค้า
2. ทีมงานต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
เลือก SEO Agency ที่มีทีมงาน SEO Specialist นักพัฒนาเว็บ นักวิเคราะห์ข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่พร้อมรองรับความต้องการของเว็บไซต์ขนาดใหญ่ มีใบ Certificate รับรองทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญขององค์กรหรือทีมงาน
3. กลยุทธ์ต้องสร้างการเติบโตให้ธุรกิจมากกว่าโฟกัสแค่อันดับ
เลือก Agency ที่มีกลยุทธ์การทำ Enterprise SEO ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ ธุรกิจ และเป้าหมายของคุณ ซึ่งกลยุทธ์ควรต้องโฟกัสครอบคลุมรอบด้านของการทำ SEO ทั้งการเขียนบทความ SEO, Technical SEO, การทำ Keyword Research, Link Building ฯลฯ และที่สำคัญคือในการเลือก SEO Agency ที่เหมาะกับการทำ Enterprise SEO นั้นต้องมีกลยุทธ์ที่สามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจคุณได้ มากกว่าการโฟกัสแค่เรื่องอันดับ ตัวอย่างเช่นการทำ Conversion Rate Optimization (CRO), การทำ A/B Testing, การทำ Heatmap Analysis เป็นต้น
4. เครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEO ต้องมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการทำ Enterprise SEO
ควรเลือก SEO Agency ที่ใช้ SEO Tools ขั้นสูง ที่มีประสิทธิภาพ และทันสมัย เช่น Ahrefs, Screaming Frog, SEMRush, Ubersuggest รวมถึง Tools ในการ Tracking ข้อมูลจากระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ เช่น Google Search Console, Google Analytics ฯลฯ และอย่าลืมตรวจสอบว่า Agency มีความเชี่ยวชาญหรือคุ้นเคยกับเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล และติดตามผลลัพธ์ตัวนั้น ๆ หรือไม่
5. ราคาแพคเกจในการทำ Enterprise SEO ต้องสมเหตุสมผล
ควรกำหนดงบประมาณสำหรับ SEO และเปรียบเทียบราคาจาก SEO Agency เจ้าอื่น ๆ แนะนำว่าควรเลือก SEO Agency ที่เสนอราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า และสอดคล้องกับงบประมาณของคุณ ไม่ถูกเกินไป เพราะอาจได้ SEO Agency เจ้าที่ไม่มีคุณภาพหรือความเชี่ยวชาญในการทำงาน และไม่แพงเกินไปจนทำให้ธุรกิจเสียงบประมาณการตลาดเกินควร
6. ความโปร่งใสในการทำงานและความน่าเชื่อถือ
ปัจจัยสุดท้ายคือควรเลือก SEO Agency ที่มีการสื่อสารที่ชัดเจน โปร่งใส มี Report รายงานผลอย่างสม่ำเสมอส่งมาทุกเดือน/สัปดาห์ มีทีมงานตอบคำถามของคุณได้อย่างชัดเจน และควรเลือก SEO Agency ที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ ได้รับรางวัล หรือมีรีวิวจากลูกค้าที่ดี จะถือเป็น SEO Agency ที่เหมาะสมที่สุดในการร่วมงานทำ Enterprise SEO ให้กับธุรกิจคุณ
เครื่องมือในการทำ Enterprise SEO ที่แนะนำ มีอะไรบ้าง ?
สำหรับเครื่องมือในการทำ Enterprise SEO ที่เราจะแนะนำนั้น มี 2 ตัวได้แก่ Ahrefs และ Screaming Frog ซึ่งถือเป็น SEO Tools ที่มีฟีเจอร์การใช้งานที่เหมาะสมและตอบโจทย์สำหรับการทำ Enterprise SEO มากที่สุด แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักเครื่องมือทั้ง 2 ตัวนี้มาก่อน หรืออาจรู้จักมาก่อน แต่ยังไม่รู้ว่าฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับการทำ Enterprise SEO มีอะไรบ้างนั้น เราขอมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ให้ทุกคนได้ทราบกัน
Ahrefs
Ahrefs คือ SEO Tools ที่เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ทำ Enterprise SEO เพราะเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมความสามารถในการติดตามประสิทธิภาพอันดับในการทำ SEO และยังมีจุดเด่นในเรื่องของการวิเคราะห์การทำ Competitor Analysis, Backlink และ SEO Audit อีกด้วย โดย Ahrefs มีฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับการทำ Enterprise SEO แบบคร่าว ๆ ดังนี้
- Free Keyword Generator – ฟีเจอร์พื้นฐานในการหาไอเดีย Keyword เพื่อนำมาทำ Keyword Research โดยเราสามารถค้นหาแยกในแต่ละ Search Engine ได้ เช่น Google, Bing หรือ YouTube ได้อย่างละเอียด
- Keyword Rank Checker – เครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจสอบเว็บไซต์ว่า Keyword ที่เราต้องการเน้นทำอันดับ ตอนนี้อยู่ในลำดับที่เท่าไรแล้ว มี Potential ที่จะไปสู่อันดับที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่
- Backlink Checker – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเช็กจำนวน Backlink ที่อ้างอิงกลับเข้ามายังเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะตรวจสอบแค่หน้าเว็บไซต์นั้น ๆ (Exact URL) หรือจะตรวจสอบทุกหน้า รวมถึงทุก Subdomain ของเว็บไซต์ของเราด้วย (เหมาะมาก ๆ สำหรับการทำ Enterprise SEO)
- Website Authority Checker – เครื่องมือสำหรับเช็กความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เพื่อดูว่า Google มองเว็บไซต์นั้น ๆ ว่ามีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดยเกณฑ์การวัดผลจะเป็นเกณฑ์เฉพาะของ Ahrefs โดยตรง
- Website Traffic Checker – ฟีเจอร์ที่ใช้ตรวจสอบ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ เพื่อดูว่า Keyword ไหนที่เรียก Organic Traffic เข้ามาได้เยอะ เข้ามานั้นมาจากช่องทางใดบ้าง เพื่อทำให้การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- SEO Dashboard – เป็นหน้าแสดง Metric ที่สำคัญของเว็บไซต์ให้ดู เช่น จำนวน Traffic, อันดับ Ranking, จำนวน Backlink, คะแนนสุขภาพของเว็บไซต์ (Health Score) เป็นต้น
- Site Explorer – ฟีเจอร์สำหรับใช้วิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งนั้นทำ SEO เป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงใช้เช็กสุขภาพเว็บไซต์ของตัวเองได้ด้วย โดยให้คุณทำการกรอกโดเมนที่ต้องการแล้วกด Search
- Rank Tracker – เปรียบเทียบคู่แข่งโดยสามารถ Track เป็น Keyword ได้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือตรวจดูได้ว่าเว็บไซต์ของเราทำอันดับได้ดีขึ้นหรือตกลงในช่วงไหนบ้าง
- Competitive Analysis – ใช้เปรียบเทียบเว็บไซต์ของเรากับคู่แข่งว่ามี Performance เป็นอย่างไร ทั้งจำนวน Keyword ทั้งหมด และรายละเอียด Keyword แต่ละคำว่าในแต่ละเว็บไซต์มีการติดอันดับใน Keyword เดียวกันหรือไม่ และติดอยู่ในอันดับที่เท่าไร
Screaming Frog
Screaming Frog เป็นเครื่องมือ SEO ยอดนิยมที่มีฟีเจอร์หลายอย่างที่เหมาะสำหรับการทำ Enterprise SEO ดังนี้
- Site Crawling & List Mode – สามารถสแกนและจัดทำรายการหน้าเว็บได้ทั้งเว็บไซต์ทั้งหมดขององค์กร ช่วยให้เห็นภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมด เหมาะสำหรับการตรวจสอบหน้าเว็บที่มีปัญหา เช่น หน้าซ้ำ หน้าขาดการเชื่อมโยง
- Technical SEO Analysis – วิเคราะห์ปัญหาด้านเทคนิค เช่น ความเร็วการโหลด สคริปต์ที่มีปัญหา เส้นทางที่ซับซ้อน เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคของเว็บไซต์ขนาดใหญ่
- Mobile Rendering – สามารถจำลองการเรนเดอร์หน้าเว็บบนอุปกรณ์มือถือช่วยตรวจสอบการเข้าถึงเว็บบนมือถือ ซึ่งสำคัญสำหรับ Enterprise SEO
- Content Analysis – วิเคราะห์คุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ เช่น ความยาว การใช้คีย์เวิร์ด ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถปรับปรุงเนื้อหาได้ตามกลยุทธ์ของธุรกิจ
- Reporting – สามารถสร้างรายงานในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบสร้างเอง PDF และ HTML ช่วยในการนำเสนอข้อมูลต่อผู้บริหารและทีมงานต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
- Integrations – สามารถผสานข้อมูลกับเครื่องมือ SEO อื่นๆ เช่น Google Analytics, GSC ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการวิเคราะห์ข้อมูลของการทำ Enterprise SEO
ด้วยความสามารถทั้งหมดที่กล่าวมานี้ทำให้ Ahrefs และ Screaming Frog เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการทำ Enterprise SEO ที่ต้องจัดการกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน และต้องใช้ข้อมูลหลากหลายมุมในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อการทำ Enterprise SEO อย่างต่อเนื่อง
สรุป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Enterprise SEO เป็นกลยุทธ์การทำ SEO ที่ช่วยให้เว็บไซต์ขนาดใหญ่ขององค์กรประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบน Search Engine และเป็นส่วนช่วยในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ ทั้งนี้ในการทำ Enterprise SEO ควรต้องอาศัยความชำนาญของทีม SEO ในการวางกลยุทธ์ หรือมี SEO Agency บริษัทรับทำ SEO ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ คอยดูแลการทำงานให้ ก็จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด