การตลาดออนไลน์
ในปัจจุบันคำว่า การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing กลายเป็นคำที่มีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจของโลกนี้เป็นอย่างมาก เพราะในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำเนินชีวิตของประชากรยุคปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเป็นออนไลน์ได้เข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่บนโลกไปแล้ว
ทำให้คำว่า การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing กลายเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างดีที่สุดและกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยการอาศัยการทำการตลาดผ่านพื้นที่ออนไลน์ แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ถึงความหมายและความสำคัญของกลยุทธ์นี้อย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมารู้จักว่า Online Marketing คืออะไร มีความหมายและความสำคัญขนาดไหนกับการทำธุรกิจในปัจจุบัน ถ้าต้องการทำการตลาดออนไลน์ควรใช้ช่องทางไหนดีที่สุด และ 5 ขั้นตอนในการเริ่มทำการตลาดออนไลน์ ไปติดตามกันครับ
เลือกหัวข้ออ่านเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์
- การตลาดออนไลน์ คืออะไร
- ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์
- ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์
- เลือกช่องทางไหนเหมาะกับการตลาดออนไลน์มากที่สุด
- อยากเริ่มทำการตลาดออนไลน์ เริ่มยังไงดี
การตลาดออนไลน์ คือ?
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ทุกประเภท เช่น เว็บไซต์,โซเชียลมีเดีย รวมถึงการทำโฆษณา (Advertising) บนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยเช่น Google, Youtube, Facebook เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์และสร้างการรับรู้ จนกระทั่งกลุ่มคนเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าและใช้บริการของธุรกิจเราในที่สุด
ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?
จากผลสำรวจของ Hootsuite พบว่า ปี 2022 คนไทยใช้งานสื่อออนไลน์กว่า 78.7% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ (อันดับ 20 ของโลก) ดังนั้นคุณน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า ทำเลทองของการทำการตลาด ไม่ได้อยู่ที่ย่านไหน จังหวัดอะไรอีกต่อไป แต่อยู่บนพื้นที่ไร้พรมแดนที่เรียกว่า “สื่อออนไลน์” เลยทำให้การทำการตลาดออนไลน์ กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและถูกยอมรับในประสิทธิภาพว่า “เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทรงพลังที่สุด” ในยุคนี้
ถึงตรงนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?
1.ช่วยธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
เมื่อโลกของความเป็นออนไลน์ไม่มีพรมแดน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การทำการตลาดออนไลน์สามารถช่วยให้ธุรกิจ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจหาลูกค้าใหม่ ๆ ได้เสมอและยังเป็นการทำให้ลูกค้าก็สามารถเข้าถึงตัวธุรกิจได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์
2. ราคาถูก ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย
หากจะพูดถึงการทำการตลาดหรือการทำโฆษณา ในสมัยที่ยังไม่มีสื่อออนไลน์ หลายคนน่าจะนึกถึงช่องทางคลาสสิคอย่าง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงป้าย Billboard ใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณมากมาย ที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่มีทางเอื้อมถึง แต่กลับกันในการทำการตลาดออนไลน์นั้น เราไม่จำเป็นต้องมีงบประมาณมากมายขนาดนั้น ก็สามารถทำการตลาด ทำโฆษณาได้ เพียงแค่มีเงินประมาณหลักร้อย หลักพัน คุณก็สามารถเริ่มต้นยิงโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อย่าง Facebook ได้แล้ว ถือเป็นทางเลือกสำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างแท้จริง
3. มีข้อมูลออกมาเป็นตัวเลข ใช้วัดผล วิเคราะห์ข้อมูลได้
สำหรับการทำการตลาดออนไลน์นั้น จะมีข้อดีตรงที่ทุกอย่างจะสามารถวัดข้อมูลตัวเลขของค่าต่าง ๆ (Metric) เช่น Reach, View, Impressions, Click, CTR ให้คุณได้เห็นเลยว่ามีลูกค้าหรือผู้ใช้งานของเราสร้าง Action อะไรบ้างบนเว็บไซต์ของเรา มีคนเห็น Online Ads ของเรามากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน แล้วปริมาณนั้นเปลี่ยนไปสู่ลูกค้าที่มากดซื้อสินค้าของเราได้กี่คน ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลตัวเลขที่ได้มานี้ไปประกอบการตัดสินใจและใช้วางแผนการตลาดออนไลน์ในอนาคตต่อไปได้
4. การทำโฆษณาที่เจาะจงกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียด
ข้อดีที่ทำให้กลยุทธ์ การตลาดออนไลน์ มีประสิทธิภาพอันทรงพลังนั่นก็คือเรื่องของ ความสามารถในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการทำโฆษณาได้อย่างละเอียด คุณสามารถกำหนดเองได้เลยว่า ในการทำโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์แต่ละครั้ง กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้โฆษณาของคุณไปปรากฏ จะเป็นคนกลุ่มไหน อายุเท่าไร เพศอะไร การศึกษาระดับไหน อาศัยอยู่ที่ใด มีพฤติกรรมประมาณไหน (เจาะได้ละเอียดมาก)
5. ให้คุณทำธุรกิจได้ 24 ชั่วโมง ไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ
เพราะโลกออนไลน์ไม่มีเวลาเปิดปิด ไม่มีวันหยุด ลูกค้าสามารถเข้าถึงธุรกิจคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่มีช่องทางที่มีประสิทธิภาพอย่าง เว็บไซต์ หรือ Facebook Page ก็สร้างโอกาสในการขายให้กับธุรกิจได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่พลาดทุกโอกาสทางธุรกิจ
ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ?
ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ ที่คุณควรรู้จักและนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดให้แก่ธุรกิจคุณ โดยเราจะสามารถแบ่งสื่อออกเป็น 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ Paid Media, Owned Media และ Earned Media โดยแต่ละอย่าง มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
1. Paid Media
Paid Media คือชนิดของสื่อออนไลน์ที่ธุรกิจต้อง “จ่ายเงิน” เพื่อซื้อพื้นที่ในการเผยแพร่ ยกตัวอย่างเช่น การซื้อโฆษณาบน Facebook, การซื้อโฆษณาบน Search Engine เช่น Google Search Ads, การซื้อโฆษณาก่อนหรือระหว่างวิดีโอบน Youtube ไปจนถึงการซื้อพื้นที่โฆษณาออนไลน์ผ่านสื่อต่าง ๆ ด้วย โดย Paid Media ที่ได้รับความนิยมสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในไทย จะมีดังนี้
● Social Media Ads
Social Media Paid Ads คือการซื้อโฆษณาบนพื้นที่ของสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LINE OA ไปจนถึงสื่อใหม่ ๆ อย่าง TikTok เป็นลักษณะของช่องทางการทำ Paid Media ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีลูกค้าที่ใช้งานมากมาย เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท สามารถทำโฆษณาจามวัตถุประสงค์ได้หลากหลาย
https://later.com/blog/create-social-media-ads
● Search Ads (Search Engine Marketing)
Search Ads (Search Engine Marketing) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า SEM คือการซื้อพื้นที่โฆษณาบนหน้า Search Engine เช่น Google ช่องทางนี้จะเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยเมื่อผู้ใช้งานพิมพ์ Keyword ลงไป ก็จะพบกับเว็บไซต์มากมาย ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword คำนั้นก็จะแสดงขึ้นมาให้ผู้ค้นหาเลือกเข้าชม แต่ถ้าคุณมีการซื้อโฆษณาแบบ Search Ads ใน Keyword คำนั้น เว็บไซต์ของคุณก็จะมาปรากฏขึ้นเป็นลิงก์แรกของหน้าการค้นหาบน Google ทันที ซึ่งการทำโฆษณาประเภทนี้จะดำเนินการผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Google Ads
https://www.businessinsider.com/ryanair-calls-on-google-to-drop-its-misleading-search-ads-2015-10
● Youtube Ads
YouTube Ads คือการซื้อโฆษณาในรูปแบบวิดีโอแสดงผลผ่าน Youtube โดยตัวโฆษณานั้นจะปรากฏขึ้นในช่วงก่อนเริ่ม (ต้นคลิป) ระหว่างคลิป และท้ายคลิป โดยการทำโฆษณาประเภทนี้จะดำเนินการผ่านเครื่องมืออย่าง Google Ads เช่นกัน
● Display Ads
Display Ads (Google Display Ads) คือการซื้อโฆษณาที่แสดงผลในรูปแบบของ “แบนเนอร์” รูปภาพและตัวหนังสือ ที่จะไปปรากฏตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรกับทาง Google และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ถือเป็นอีกหนึ่ง Paid Media ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะสร้างโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเห็นได้มาก
https://www.agencyafrica.com/google-display-ads.html
2. Owned Media
Owned Media คือ ชนิดของสื่อออนไลน์ที่ตัวธุรกิจคุณเองมีสิทธิ์ในการควบคุม จัดการ เนื้อหาคอนเทนต์ทุกอย่างได้ทั้งหมด รวมทั้งเป็นเจ้าของข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้งานทุกคน เปรียบเสมือนบ้านของธุรกิจคุณ โดย Owned Media ที่ได้รับความนิยมในไทยจะมีด้วยกันดังนี้
● Social Media
สังคมออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกัน ถือเป็น Owned Media ช่องทางสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นเช่น Facebook, Instagram, Line Official Account, Twitter, TikTok โดย Social Media แต่ละตัวก็จะเหมาะกับลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันออกไปด้วย
● Website
การมีเว็บไซต์ ก็เปรียบเหมือนการ “สร้างบ้าน” ให้กับธุรกิจของคุณ เป็น Owned Media ที่ไม่มีทางเลือนหายไปตามกาลเวลา เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและแบรนด์ เพิ่มโอกาสในการค้นหาทางโลกออนไลน์ของลูกค้า (สำคัญต่อการทำ SEO) และยังใช้เป็นพื้นที่ในการขายสินค้าให้กับลูกค้าได้ด้วย
● Email Marketing
Email เป็น Owned Media ที่ช่วยทำให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในรูปแบบของอีเมล โดยเป้าหมายของการใช้ Email ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำการขายโดยตรง (Direct Sell) แต่จุดประสงค์ของมันคือเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์, การโฆษณาสินค้าและบริการใหม่ ๆ, การเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชันต่าง ๆ จากแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้ นับว่าเป็นพื้นที่สื่อที่เหมาะกับการทำธุรกิจประเภท B2B (Business To Business)
● SMS
แต่ถ้าต้องการทำธุรกิจแบบ B2C (Business To Customer) การใช้ SMS หรือข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือถือเป็น Owned Media ที่ตอบโจทย์เพราะเป็นสื่อที่มีผู้ใช้งานเยอะที่สุด เพียงแค่คุณมีฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ มีข้อดีตรงที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว มีเปอร์เซ็นต์ที่ลูกค้าจะเปิดดูมากที่สุด (มากกว่า Email) สามารถวัดผลได้ทันที
Earned Media
Earned Media คือชนิดของสื่อออนไลน์ที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้บริโภคพูดถึงสินค้าหรือแบรนด์ของเรา ในลักษณะของการบอกต่อ แนะนำ การคอมเมนท์, แชร์ในโลกออนไลน์ ไปจนถึงการเขียนรีวิวลงในสื่อต่าง ๆ ให้กับแบรนด์ของเราก็นับว่าเป็น Earned Media ด้วยเช่นกัน โดยตัวอย่าง Earned Media ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ที่เราอยากแนะนำมีดังนี้
● Influencer Marketing
Influencer Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ที่อาศัยอิทธิพลของ Influencer หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามในโลกออนไลน์ เป็นตัวกลางในการโน้มน้าวผู้บริโภคให้สนใจแบรนด์ของเราผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น รีวิว แนะนำ ถ่ายรูปคู่ (Tie-In) เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้าง Brand Awareness ให้กับธุรกิจจนกลุ่มเป้าหมาย (ผู้ติดตาม) เริ่มสนใจสินค้าและกลายเป็นลูกค้าของธุรกิจคุณในที่สุด
https://ximim.com/growing-your-business-with-influencer-marketing
● SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอยู่ในหน้าแรกของการค้นหาบน Search Engine ใน Keywords นั้น ๆ โดยการทำ SEO นั้นจะมีกฎสำคัญตรงที่เราจะไม่เสียเงินโฆษณาแม้แต่บาทเดียว แต่ต้องอธิบายก่อนว่า แม้การมีเว็บไซต์จะจัดเป็น Owned Media แต่สำหรับการทำ SEO จะเป็นเรื่องของ Earned Media เต็ม ๆ เพราะการทำ SEO คือการทำการตลาดที่เล่นกับระบบ Algorithm ของ Google ที่คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ เพื่อสร้างอันดับที่ดีบนหน้า Google ซึ่งจะทำให้ลูกค้ากดเข้าไปยังเว็บไซต์ของเรานั่นเอง
● Inbound Marketing
Inbound marketing คือการทำตลาดออนไลน์ที่ใช้วิธีการดึงดูดลูกค้าผ่านวิธีส่งมอบคอนเทนต์หรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่มีคุณค่าไปยังผู้รับ โดยที่ธุรกิจจะต้องใช้งบประมาณต่ำที่สุดหรือถ้าเป็นไปได้ต้องห้ามเสียเงินเลย เพราะการที่ธุรกิจของคุณมี “คอนเทนต์ที่มีคุณค่า” เช่น Website Blog, E-Book, Podcast ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาหรือความต้องการของพวกเขาได้ มาเผยแพร่ในสื่อของตัวเอง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะยอมสละเวลามาอ่าน, รับชม คอนเทนต์ และเมื่อพวกเขาได้รับคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์คุณที่ส่งมอบผ่านคอนเทนต์ คนกลุ่มนั้นก็จะกลายมาเป็นลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์ของคุณทันที จะเหมาะกับธุรกิจประเภท B2B (Business To Business) ที่สุด
https://www.searchenginejournal.com/social-media-business-benefits/286139
Paid Media – Owned Media – Earned Media เลือกสื่อแบบไหนเหมาะกับการทำการตลาดออนไลน์ที่สุด ?
สื่อทั้ง 3 แบบได้แก่ Paid Media, Owned Media และ Earned Media นั้นต่างมีข้อดีที่ให้ผลลัพธ์ในการทำธุรกิจของคุณต่างกัน เพราะฉะนั้นคงตอบไม่ได้ว่าเลือกสื่อแบบไหนดีที่สุด แต่ต้องดูว่าสื่อตัวไหนเหมาะกับแบรนด์หรือความต้องการในการทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจคุณที่สุด
- ถ้าคุณคิดว่าธุรกิจของคุณต้องการขายสินค้าให้ได้ โฟกัสไปที่เรื่องของยอดขายเป็นหลัก ไม่ได้ติดปัญหาด้าน Budget ให้เน้นไปที่ Paid Media เพราะมีการทำโฆษณาเยอะ นำงบประมาณไปทุ่มกับการทำโฆษณาเพื่อสร้างยอดขาย แล้วโฟกัสสื่ออีก 2 ชนิดรองลงมา
- ถ้าธุรกิจของคุณกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรืออยู่ในช่วงที่ต้องการสร้างแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ เป้าหมายยังอยู่ที่การเน้น Awareness จากกลุ่มเป้าหมายเป็นหลักก็ให้เน้นไปที่ Owned Media ก่อนเป็นอันดับแรก
- หรือถ้าธุรกิจของคุณกำลังต้องการให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อเพื่อขยายการเติบโต ให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก ก็ควรเน้นที่การทำ Earned Media
*เป็นสถานการณ์เพื่อประกอบการยกตัวอย่างให้ผู้อ่านเห็นภาพมากขึ้นเท่านั้น การเลือกสื่อแต่ละชนิดสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและทรัพยากรของแต่ละองค์กรเป็นสำคัญเสมอ
อยากเริ่มทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ควรเริ่มยังไงดี ?
สำหรับธุรกิจใดที่อยากจะปรับตัวเองทำการตลาดออนไลน์นั้น เราขอแนะนำเทคนิคที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเติบโตในยุคดิจิทัล ทั้งหมด 5 ข้อดังนี้
1.เริ่มทำ Market Research เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้า
Market Research คือกระบวนการสำรวจตลาด ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบขนาดของตลาดได้ ทำให้ธุรกิจรับรู้ข้อมูลต่างๆ เช่น อายุ รายได้ การศึกษา เพศ ปัญหา ความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมายและยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการหา Market Place Position ของธุรกิจตัวเอง เพื่อเป็นเหมือนก้าวแรกที่ทำให้คุณได้วางกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ หรือกลยุทธ์การเลือกใช้สื่อต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจมีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะทำให้คุณรู้ความต้องการของลูกค้าในโลกออนไลน์
โดยการทำ Market Research นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่นการให้ลูกค้าทำแบบสอบถาม, การสัมภาษณ์ลูกค้า, การสำรวจจากงานวิจัยต่าง ๆ ไปจนถึงการจ้างบริษัทที่รับทำ Market Research โดยเฉพาะ
ศัพท์ที่น่าสนใจ
- Marketing Funnel คืออะไร ? กลยุทธ์ทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเป็นขั้นเป็นตอน
- Customer Journey คือ ? แล้วจะช่วยให้คุณวางแผนโฆษณาได้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง !!
2.ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ธุรกิจ
การมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ เพราะเว็บไซต์มีประโยชน์หลากหลายตั้งแต่เรื่องของการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าธุรกิจคุณมีตัวตนอยู่จริง หรือจะเป็นประโยชน์ด้านธุรกิจโดยตรงเช่นการทำให้ธุรกิจถูกค้นหาเจอง่ายขึ้นบนโลกออนไลน์ (ถ้าคุณมีการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ), เป็นช่องทางในการแนะนำ ขาย สินค้าของคุณได้ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการมีเว็บไซต์ ไปต่อยอดในการทำโฆษณาแบบอื่น ๆ ในโลกออนไลน์ได้ด้วย (เช่นการทำ Retargeting Ads)
ดังนั้นหากคุณคิดว่าคุณต้องการจะลุยในสังเวียนของการทำการตลาดออนไลน์ เว็บไซต์คือสิ่งสำคัญที่คุณต้องศึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ
3.เริ่มใช้งาน Social Media ให้ตรงตามความเหมาะสมของธุรกิจ
การมี Social Media สามารถช่วยทำให้การทำการตลาดออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จได้ ! เพราะปัจจุบันธุรกิจจะมีเพียงแค่เว็บไซต์อย่างเดียวก็คงไม่พอ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะใช้งาน Social Media เยอะกว่าดังนั้นการสร้างตัวตนของธุรกิจคุณ ผ่านช่องทางของ Social Media ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ และยังเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้อีกด้วย
แต่ก็หาใช่ว่าธุรกิจของคุณจะต้องมี Social Media ทุกอันที่มีอยู่บนโลกนะครับ Social Media แต่ละตัวล้วนสร้างประโยชน์และข้อดีที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น
- Facebook ได้เปรียบเรื่องตัวเลขผู้ใช้งาน เหมาะสำหรับธุรกิจทุกแขนง เป็นช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างคอนเทนต์ที่ดีที่สุด
- Instagram แม้ตัวผู้ใช้งานจะเยอะ แต่ด้วยธรรมชาติที่แสดงรูปภาพเป็นหลัก เลยเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องโชว์รายละเอียด โชว์ฟีเจอร์ ของสินค้าและบริการมากกว่า เช่นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เป็นต้น
- Youtube เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ Video Content ในการเล่าเรื่องเข้าถึงลูกค้า สร้างสตอรี่ให้กับแบรนด์ได้ดีที่สุด แนะนำว่าธุรกิจไหนที่ต้องมีการรีวิวสินค้า มีการใช้ Influencer Marketing ช่องทางนี้เวิร์กสุด
เห็นได้ชัดเลยว่าแม้ทั้งหมดจะถูกเรียกว่าเป็น Social Media เหมือนกัน แต่วิธีการใช้งาน ข้อดี และประโยชน์ที่ธุรกิจคุณจะได้ก็แตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มที่คุณเลือก ดังนั้นควรศึกษาความต้องการธุรกิจของคุณให้ดีและหาคำตอบให้เจอว่า Social Media ช่องทางไหนที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
4. ใส่ใจในการทำ Content Marketing ปัจจัยสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์
Content Marketing คือ กระบวนการทำการตลาดที่ใช้การสร้างเนื้อหา (Content) ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้สนใจในสินค้าหรือบริการของเรา ด้วยการส่งมอบเนื้อหาที่มีคุณภาพผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น บทความ, โพสต์, วิดีโอ, รูปภาพ, อีเมล และอื่น ๆ ทำให้กลุ่มเป้าหมายเริ่มติดตามคอนเทนต์ที่เราสร้างขึ้นมา จนพวกเขาเหล่านั้นเริ่มเห็นถึงความสำคัญ คุณค่า ของสิ่งที่คุณนำเสนอว่ามีประโยชน์ต่อพวกเขา และเกิดการตัดสินใจซื้อ เปลี่ยนเป็นลูกค้าในที่สุด
การทำ Content Marketing นั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์อย่างมาก เพราะเป็นเทคนิคในการดึงดูดลูกค้าให้พวกเขาสนใจในธุรกิจของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องเข้าไปหาเอง (หรือทำโฆษณานั่นแหละ) ช่วยสร้างยอดขาย สร้างกำไรให้กับธุรกิจ ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และยังเป็นการทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับธุรกิจ (การ Comment, Like, Share) สร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้ากับธุรกิจด้วย
5. หมั่นวัดผลสิ่งที่ได้รับมาเสมอ
การตลาดออนไลน์ คือการตลาดที่ช่วยทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้จริง แต่สิ่งที่หลายธุรกิจมักจะมาตกม้าตายกันก็คือเรื่องของการขาดสิ่งที่เรียกว่า “การวัดผล” เพราะหากธุรกิจของคุณไม่ได้มีการตรวจสอบว่า ในแต่ละแคมเปญ ในแต่ละช่องทาง ที่คุณทำการตลาดออนไลน์ไปนั้น ได้ Feedback หรือผลตอบรับกลับมาอย่างไรบ้าง
ตัวอย่างเช่น คุณลองวัดผลจำนวนตัวเลข ผู้เข้ามาหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ (ผ่าน Google Analytics) คุณเห็นแล้วว่าเดือน มีนาคม มียอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ 2,000 คน แต่ต่อมาเดือน เมษายน พฤษภาคม ยอดกลับตกเหลือ 1,200 – 1,000 คน คุณก็จะเห็นเลยว่าในเดือน เมษายน พฤษภาคม การทำการตลาดออนไลน์ของคุณเริ่มมีปัญหา อันดับใน Google ของคุณตกหล่นลงหรือเปล่า ต้องลองซื้อโฆษณาเพิ่มดูไหม เป็นต้น
https://neilpatel.com/blog/how-to-get-actionable-data-from-google-analytics-in-10-minutes
เพราะถ้าการทำการตลาดออนไลน์ของคุณ ปราศจากการวัดผลอยู่เสมอ กว่าคุณจะพบกับข้อผิดพลาดของธุรกิจคุณ ถึงตอนนั้นคุณอาจไม่มีทางแก้ไขแล้วก็เป็นได้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ทุกคนพอเข้าใจความหมาย ความสำคัญของ การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) กลยุทธ์การทำการตลาดที่สำคัญที่สุดในยุคปัจจุบันนี้กันมากขึ้นนะครับ แต่การทำการตลาดออนไลน์ยังมีองค์ประกอบอีกมากมาย ที่รอให้คุณได้เรียนรู้
หากคุณกำลังต้องการอยากปรึกษา ใครสักคน ในด้านการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
เพื่อน ๆ สามารถติดต่อ Team Nerd Optimize มาได้เลย เราพร้อมให้คำตอบเพื่อน ๆ ทุกคนครับ !