Google Discover คือฟีเจอร์หนึ่งของ Google บนมือถือที่จะแสดงเว็บไซต์เนื้อหา ข่าวสาร และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจและความชอบของคุณมาแสดงให้คุณเห็นในหน้าแรกเมื่อเปิดเข้าใช้งาน Google ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ โดย Google Discover ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่คนทำ SEO รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจที่กำลังทำ SEO ต้องเริ่มศึกษาไว้ เพราะการที่เว็บไซต์หรือบทความของคุณไปปรากฏบน Google Discover ของกลุ่มเป้าหมายได้ นั่นหมายถึงจำนวน Traffic อันมหาศาลที่จะไหลเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ
ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่า Google Discover คืออะไร ? พร้อมอธิบายรูปแบบการทำงานของ Google Discover แบบละเอียดที่สุด
Google Discover คืออะไร ?
Google Discover คือ ฟีเจอร์ฟีดข้อมูลบนแอป Google บนมือถือที่จะแสดงเว็บไซต์ ข่าวสาร บทความ และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของคุณมาปรากฏยังหน้าแรกของ Google เมื่อเข้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Google บนมือถือ โดย Google จะวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของคุณ เช่น ประวัติการค้นหา เว็บไซต์ที่เข้าชม แอปที่ใช้งาน ตำแหน่งที่อยู่ ฯลฯ เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของคุณมากที่สุด
Google Discover ทำงานอย่างไร ?
Google Discover ทำงานโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียกว่า Machine Learning ในการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานหรือการค้นหาข้อมูลของคุณบน Google โดยข้อมูลที่ Google Discover จะดึงมาประกอบการวิเคราะห์เพื่อแสดงเว็บไซต์ต่าง ๆ มายังหน้าฟีด เช่น
- ประวัติการค้นหา: คำที่คุณค้นหาบน Google ที่บอก Google เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ
- เว็บไซต์ที่เข้าชม: เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมบ่อย ที่บอก Google เกี่ยวกับเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่คุณชอบ
- แอปพลิเคชันที่ใช้งาน: แอปที่คุณใช้งาน บอก Google เกี่ยวกับกิจกรรมและความสนใจของคุณ
- ตำแหน่งที่อยู่: ตำแหน่งที่อยู่ของคุณ บอก Google เกี่ยวกับสถานที่ที่คุณอยู่และสิ่งที่คุณอาจสนใจในบริเวณใกล้เคียง
จากข้อมูลเหล่านี้ Google Discover จะเรียนรู้เกี่ยวกับความสนใจของคุณ และนำเสนอเว็บไซต์ บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับความสนใจของคุณมากที่สุดบนหน้าฟีด Discover และต้องอธิบายเพิ่มว่าตัว Machine Learning ของ Google Discover นั้นมีการเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ ยิ่งคุณใช้งาน Google มากเท่าไหร่ Google Discover ก็ยิ่งเข้าใจความสนใจของคุณมากขึ้นเท่านั้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Google Discover มีอะไรบ้าง ?
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Google Discover มีหลัก ๆ ด้วยกันทั้งหมด 7 ปัจจัยที่คุณสามารถทำความเข้าใจได้เพื่อเป็นส่วนในการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ไปแสดงผลบน Google Discover ได้ดังนี้
ทำความเข้าใจการทำงานของ Google Discover
อันดับแรกคุณต้องเข้าใจการทำงานของ Google Discover ก่อนว่าตัวของ Google Discover นั้นก็คล้ายกับการทำงานของ SEO คือคุณไม่สามารถกำหนดเองได้ว่าจะให้เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏที่หน้า Discover ของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหมดจะต้องอาศัยการ Learning ของ Google AI ตามปัจจัยที่เราได้บอกไปในหัวข้อที่แล้วเท่านั้น สิ่งที่คุณทำได้ก็มีเพียงแค่ปรับเว็บไซต์ของคุณให้ถูกหลักการของ SEO ที่ Google ชอบให้ได้มากที่สุด
ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับการใช้งานผ่านมือถือ
Google Discover เข้าถึงได้เฉพาะการใช้งานบนมือถือ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเพิ่มปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะกับมือถือหรือออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Design ที่หมายถึงการทำให้เว็บไซต์สามารถปรับขนาดหน้าจอให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ จะทำให้ได้เปรียบมาก ๆ สำหรับการทำให้เว็บไซต์เข้าเกณฑ์ที่ Google Discover ต้องการ
ทำความเข้าใจ EEAT Factor
ส่วนต่อมาคือการปรับเนื้อหาของคอนเทนต์ในหน้าบทความเว็บไซต์ของคุณให้มีตรงกับหลักเกณฑ์ EEAT Factor โดยแต่ละส่วนนั้นมีความหมายจาก Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Experience (ประสบการณ์), Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ) และ Trustworthiness (ความไว้วางใจ) ที่เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพของเนื้อหาบทความในเว็บไซต์ ถ้าเว็บไซต์ไหนที่สร้างคอนเทนต์ได้ตรงตามเกณฑ์ดังกล่าว Google ก็จะผลักดันให้เว็บไซต์นั้นมาแสดงผลบน Google Discover ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
สร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ Search Intent ของผู้ใช้งาน
การสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ Search Intent ของผู้ใช้งาน ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการให้ Google นั้นนำเอาเว็บไซต์ของคุณไปแสดงผลที่หน้า Google Discover ซึ่งคอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่คุณสร้างขึ้นนั้น ต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาที่สามารถ ตอบคำถามที่สงสัยของผู้ใช้งาน นำเสนอข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการให้ได้มากที่สุด โดยสไตล์การเขียนนั้น แนะนำว่าควรต้องเขียนเนื้อหาให้อ่านง่าย น่าสนใจ และอย่าลืมใส่รูปภาพ วิดีโอ และ Infographics เพื่อประกอบเนื้อหาด้วย
สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเป็น Evergreen Content
ต่อเนื่องจากปัจจัยที่แล้วภายในเนื้อหาที่คุณเขียนลงไปในบทความ คอนเทนต์ที่คุณสร้างขึ้นต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ หรือเป็นคอนเทนต์ที่คุณทำการ Research ข้อมูลมาด้วยตัวเอง (ไม่ Copy&Duplicate จากเว็บไซต์ไหนมา) และที่สำคัญควรต้องเป็น Evergreen Content หรือคอนเทนต์ที่มีคุณค่าอยู่ตลอดเวลา ไม่เสื่อมคลายตามกระแส หรือเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อที่ “ตายตัว” ไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา เช่น ความรู้พื้นฐาน คู่มือ เทคนิค เคล็ดลับ ฯลฯ ในแต่ละหัวข้อ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีเขียนบทความ SEO เขียนแบบไหนถึงติดอันดับแบบยั่งยืน
ทำ On Page SEO ให้แข็งแรงที่สุด
การที่จะทำให้เว็บไซต์ไปปรากฏที่ Google Discover ได้ ต้องเกิดจากการทำ On Page SEO ที่แข็งแรง ไล่ตั้งแต่การปรับแต่ง Headlines, Titles, Meta Description ของหน้าบทความให้ตรงกับ Keyword ที่คนค้นหาสามารถบอกให้ Google ทราบได้ว่าบทความของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร ช่วยดึงดูด Traffic ให้คนคลิกเข้ามา รวมถึงการทำ Image Optimization ปรับขนาดรูปเล็กลง ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น เพิ่มคะแนน Page Speed
TIPS : ระบบหลังบ้านเว็บไซต์ของคุณควรต้องมีการวางโครงสร้างข้อมูล Schema Markup ที่เป็นโครงสร้างข้อมูลบนเว็บไซต์ที่ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณ และช่วยแสดงเว็บไซต์ของคุณบน Google Discover ได้
ลองใช้ Google Web Stories
อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจบน Google และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไปแสดงผลที่หน้า Google Discover ได้นั้นคือการสร้าง Google Web Stories หรือฟีเจอร์แสดงวิดีโอสั้น (คล้าย Stories ใน Instagram) บนเว็บไซต์ของคุณซึ่งวิดีโอนี้จะไปปรากฏบน Google Discover ซึ่งช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ได้ แถม AI Google ย้งชอบมาก ๆ อีกด้วย โดยเราขอสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรรู้ของ Google Web Stories ดังนี้
- Google Web Stories คือวิดีโอสั้นในแนวตั้ง ของเว็บไซต์ที่คุณเป็นเจ้าของ สามารถทำได้ 1 URL ต่อ 1 Stories
- 1 Stories สามารถแยกออกมาได้ตั้งแต่ 2-30 คลิป
- ทุกเว็บไซต์บนระบบ WordPress ทำ Google Web Stories ได้
- จะแสดงผลเฉพาะวิดีโอ 828×1792 Pixel แนวตั้ง ความยาวไม่เกิน 15 วินาทีเท่านั้น
วิธีการดู Performance ของ Google Discover ผ่าน Google Search Console
ในการวัดผลดู Performance ของ Google Discover นั้นสามารถทำได้ผ่านการใข้งาน Google Search Console โดยวิธีการเช็กข้อมูล Performance นั้นให้คุณเข้าไปที่ Google Search Console ของเว็บไซต์ จากนั้นสังเกตแถบซ้ายมือ กดตรงคำว่า Discover
ระบบจะแสดงข้อมูล Performance ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Traffic, Impressions, Clicks, CTR และ Average Position ที่จะนับเฉพาะการที่มีคนกดเข้ามาจากฟีเจอร์ Google Discover เท่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์ได้ว่า ตอนนี้ผลลัพธ์ในส่วนของการให้เว็บไซต์แสดงผลผ่าน Google Discover นั้นเป็นที่น่าพอใจหรือยัง แล้วมาปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
ความแตกต่างระหว่าง Google Discover และ Google Search
ความแตกต่างระหว่าง Google Discover และ Google Search นั้นแม้จะดูคล้ายกันแต่มีความแกตต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดย Google Discover เป็นการทำให้ผู้ใช้งานได้เจอเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ตรงกับความชอบ โดยไม่ต้องป้อนคำค้นหาหรือ Keyword อะไรเลย ตัวระบบจะแสดงผลเว็บไซต์นั้นมาให้เราเองในหน้าแรกของแอป Google เมื่อเข้าใช้งานผ่านมือถือ
แต่ Google Search นั้นผู้ใช้งานจะต้องป้อนคำค้นหาหรือ Keyword ลงไปในช่อง เพื่อค้นหาในสิ่งที่ตัวเองสนใจบนหน้า SERP และสามารถเลือกเข้าไปยังเว็บไซต์ที่พวกเขาต้องการได้ด้วยตัวเอง
Google Discover มีโฆษณาหรือไม่
Google Discover มีระบบการทำโฆษณาซึ่งคุณสามารถจ่ายเงิน ทำโฆษณาให้เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏบน หน้า Discover ได้ ผ่านการใช้งาน Google Ads โดยเว็บไซต์ไหนที่ซื้อโฆษณามาจะมีคำว่า Sponsored พ่วงท้ายอยู่ล่าง Headline แต่ทั้งนี้เว็บไซต์ที่ซื้อโฆษณาจะไม่ได้แสดงผลอยู่ในตำแหน่งบนที่สุดของ Google Discover แต่จะต้องเลื่อนลงมาสักเล็กน้อยถึงจะเจอเว็บไซต์ที่ซื้อโฆษณาของ Google Discover มา
Google Discover Traffic เพิ่มหรือลดเกิดจากอะไร ?
ปัจจัยที่จะทำให้การทำ Google Discover เกิด Traffic เพิ่มหรือลดนั้นหลัก ๆ มาจาก ‘การทำ SEO ให้เว็บไซต์’ เพราะอย่างที่เราได้บอกไปว่า Google Discover นั้นมีความคล้ายกับ SEO คือตัว AI ของ Google ก็จะมองหาเว็บไซต์ที่มี Traffic เยอะ มีการวางโครงสร้างถูกต้องตามหลักของ SEO ก่อนเสมอ ดังนั้นถ้า Google Discover เกิด Traffic เพิ่มขึ้น แสดงว่า Google เริ่มมองว่าเว็บไซต์ของคุณทำ SEO ได้ดี มีเนื้อหาของคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ จนอยากเอามาแสดงผลใน Google Discover
แต่ถ้า Google Discover มี Traffic ลดลงอย่างน่าตกใจ แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณอาจจะมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการทำ SEO หรือระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ จนทำให้ Google มองว่ามีเว็บไซต์อื่นที่ทำผลงานได้ดีกว่า และอยากมอบพื้นที่การแสดงผลของ Google Discover ให้กับเว็บไซต์นั้น ๆ มากกว่านั่นเอง