ในขั้นตอนการทำ SEO จะมีขั้นตอนหนึ่งที่เรียกว่า Anchor Link หรือ Anchor Text ที่เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้ Search Engine อย่าง Google เข้าใจบริบทในเนื้อหาบนเว็บไซต์และมองเห็นถึงความเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น แต่หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำ Anchor Text มากนัก (หรือถ้าให้ความสำคัญมากเกินไปก็จะทำออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ) เนื่องจากเป็นจุดเล็กๆ ในขั้นตอนของการทำ Link Building ของ SEO แต่ถ้ายังไม่เข้าใจว่า SEO คืออะไร สามารถเข้ามาอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
ดังนั้น บทความนี้เราจึงจะพามาทำความรู้จักว่า Anchor Text คืออะไร มีความสำคัญแค่ไหน จะทำแบบไหน Google ถึงจะชอบ ถ้าพร้อมจะเรียนรู้เทคนิคในการทำ Anchor Link แล้วตามไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ
Anchor Text คืออะไร
ที่มาภาพ: ahrefs.com
Anchor Text หรือ Anchor Link คือ ข้อความที่สามารถทำเป็นลิงก์เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการทั้งภายในเว็บไซต์หรือภายนอกเว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่มักจะทำไว้บนข้อความที่เป็น Keyword เพราะจะช่วยทำให้ Google เข้าใจหน้าเว็บไซต์ที่ทำการลิงก์ไปหานั้นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร และมีความสัมพันธ์กับหน้าที่กำลังเก็บข้อมูลอย่างไร
สำหรับหน้าตาของ Anchor Text ที่เราคุ้นเคยกันก็จะเป็นข้อความตัวสีฟ้าที่มีการขีดเส้นใต้ เมื่อทำการคลิกก็จะพาไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น ยกตัวอย่างเช่น ยกตัวอย่างประโยคที่เขียนเกี่ยวกับ Backlink และทำการใส่ Anchor Text ลงไปในคำว่า Backlink เพื่อพาผู้อ่านไปอ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำคีย์เวิร์ดนี้
ส่วนของ Code ที่ใช้ในการเขียนเพื่อทำ Anchor Text เช่น
<a href=”http://www.example.com”>Example Anchor Text</a>
สำหรับความหมายของ Code นี้คือ
ที่มาภาพ: moz.com
โดย Target Link หมายถึงหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการลิงก์ไป
Anchor Text หมายถึง ข้อความที่ทำเพื่อให้กลายเป็นลิงก์
Anchor Text สำคัญอย่างไร ?
ที่มาภาพ: neilpatel.com
ในปี 2012 Google ได้ทำการเปิดตัว Google Algorithm อย่าง Penguin หลังจากนั้นได้ทำการปรับปรุงอีกหลายครั้งเกี่ยวกับการอัปเดตเว็บสแปมที่ถูกกรองโดยการรวบรวมข้อมูล Backlink ของเว็บไซต์และการกำหนดคะแนนให้กับแต่ละลิงก์ ทำให้การทำ Anchor text กลายเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการระบุความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือได้อย่างรวดเร็วด้วยการทำลิงก์เชื่อมโยงถึงกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปรับแต่ง Backlink หรือ Anchor text ได้ตามใจชอบนะครับ เพราะ Google เองก็ได้ใช้ Backlink และ Anchor text ในการดูว่าผู้ทำเว็บไซต์ได้ทำการปรับแต่งเว็บไซต์มากจนเกินไปหรือเปล่า เพราะถ้าหากปรับแต่งมากจนเกินไป เช่น ทำสแปม Anchor text ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ก็อาจทำให้ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ลดลงได้ เนื่องจากถูก Google ลงโทษนั่นเอง
รูปแบบของ Anchor Text คืออะไรบ้าง ?
คราวนี้มาดูต่อว่า รูปแบบของ Anchor Text มีกี่ประเภท สามารถทำได้ในรูปแบบไหนบ้าง โดยเราได้รวบรวมมาให้ถึง 7 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
- Exact Match Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ด้วยการใช้ Focus Keyword มาทำเป็นลิงก์แบบตรงตัว ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมมากที่สุด เพราะช่วยส่งพลังให้กับการทำ SEO มากที่สุด แต่ถ้าหากให้ผิดวิธีก็อาจจะทำให้อันดับร่วงได้เช่นเดียวกัน
- Partial Match Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text แบบเป็นธรรมชาติ โดยอาจจะเขียนคำที่เป็น Keyword ลงไปด้วยแต่ว่าไม่ได้พิมพ์ลงไปแบบตรงๆ ทั้งหมด
- Branded Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ด้วยการใส่ชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัท ชื่อสินค้าและบริการ ชื่อบล็อก ฯลฯ ลงไปแบบตรงๆ ซึ่งวิธีการนี้จะส่งพลังให้กับการทำ SEO เป็นรองแค่การทำ Exact Match Anchor Text
- Naked Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ด้วยการใส่ URL ลงไปเนื้อหาตรงๆ เลย โดยทั่วไปจะใช้กับแหล่งที่มา เช่น รูปภาพหรือข้อความอ้างอิง
- Generic Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ด้วยการใช้คำแนว Call-to-Action ที่ทำให้คนอยากคลิกที่ Anchor Link มากขึ้น
- Image Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ที่อยู่ในรูปแบบของ HTML หรือรูปภาพ
- Long-Tail Anchor Text คือ การสร้าง Anchor Text ด้วยรูปประโยคยาวๆ ที่ยาวกว่าการเขียนแบบ Partial Match Anchor Text
ตัวอย่างการทำ Anchor Text
- Exact Match Anchor Text
สำหรับ Exact Match Anchor ที่เป็น Anchor Text ของ Focus Keyword จะเป็นการทำลิงก์ลงไปในคีย์เวิร์ดที่ใช้โดยตรง เช่น ถ้าคำว่า “รับทำ SEO” เป็น Focus Keyword คำที่ใช้ทำ Anchor Link ก็คือคำว่า รับทำ SEO ที่ตรงกับคีย์เวิร์ดที่ต้องการเลย
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Partial Match Anchor Text
การเขียน Anchor Text ในรูปแบบ Partial Match Anchor จะมีการเขียน Focus Keyword ลงไปปะปนกับคำหรือวลีอื่นๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและอาจจะไม่ใช่คำที่ดูเป็นทางการมาก เช่น สมมติว่าคุณมี Focus Keyword ของบทความเป็นคำว่า Anchor Text ก็อาจจะใช้ Partial Match Anchor Text เป็น:
-
- วิธีการใช้ Anchor Text
- อ่านวิธีการทำ Anchor Text ได้ที่นี่
- เรียนรู้การทำ Anchor Text ด้วยตัวเอง
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Branded Anchor Text
การเขียน Anchor Text ในรูปแบบ Branded Anchor Text จะเป็นการทำลิงก์ด้วยชื่อแบรนด์แบบตรงๆ เนื่องจาก Google ชอบให้ผู้ทำเว็บไซต์สร้างแบรนด์ เช่น ผมทำเว็บไซต์ด้าน SEO Agency อย่าง NerdOptimize ผมสามารถทำ Branded Anchor Text ด้วยชื่อแบรนด์ได้ เช่น NerdOptimize ซึ่งลิงก์ประเภทนี้มักจะทำให้ชี้ไปที่หน้าแรกของเว็บไซต์ และเป็นส่วนสำคัญของ Profile Backlink ตามธรรมชาติอีกด้วย
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Naked Anchor Text
การทำ Naked Anchor Text ที่เป็นการใส่ URL ของเว็บไซต์ลงไปแบบตรงๆ เช่น https://nerdoptimize.com/backlink-service/ ซึ่งการทำ Anchor Text ในรูปแบบนี้ไม่ได้ส่งผลต่อ SEO แถมยังมีแนวโน้มที่จะรบกวนประสบการณ์ของผู้ใช้ เพราะอาจจะทำให้คนมองว่าเป็น Spam Link ได้ ตัวอย่างเดียวที่ยอมรับได้ในการใช้ Anchor Text นี้คือ การใส่เป็น URL อ้างอิง
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Generic Anchor Text
Generic Anchor Text เป็นเหมือนการใช้คำเรียกแขกหรือ Call-to-action ที่ชวนให้คนคลิก เช่น ใช้คำว่า คลิกที่นี่ อ่านที่นี่ ดาวน์โหลดเลย เป็นต้น แต่การทำ Anchor Text รูปแบบนี้ไม่ควรใช้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ดูรกตาแทนที่จะทำให้รู้สึกดึงดูดให้อยากคลิกมากขึ้นได้
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Image Anchor Text
Image Anchor Text จะไม่ได้เป็นการทำบน Text เหมือนกับ Anchor Link ประเภทอื่น เพราะจะเป็นการทำ Anchor Text ในรูปแบบของ HTML หรือรูปภาพ โดยจะยึดเอาการทำ ALT Text ที่ใส่ในรูปภาพ เป็น Anchor Text แทนนั่นเอง ยกตัวอย่าง Code ที่แสดงผลเป็น Image Anchor Text เช่น
<a href=”https://ahrefs.com/backlink-checker”> <img src=”/backlink-checker.png” alt=”Backlink Checker”/> </a>
ที่มาภาพ: seosherpa.com
- Long-Tail Anchor Text
Long-Tail Anchor Text จะเป็นการเขียน Anchor Text ในรูปแบบที่ยาวขึ้น โดยอาจจะยกขึ้นมาเป็นประโยคเลยก็ได้ เช่น คุณทำ Focus Keyword เป็นคำว่า SEO ก็อาจจะใช้ Long-Tail Anchor Text เป็น…
-
- เรียนรู้การทำ SEO เพิ่มเติมจากบทความรวมเทคนิคการทำ SEO
- การทำ Duplicate Content ส่งผลเสียต่อการทำ SEO
- จากสถิติของ Google พบว่า มีผู้ใช้ Google Search ต่อวัน 3,500 ล้านครั้ง (ทำการลิงก์ไปยังที่มาของสถิติ เป็นต้น)
ที่มาภาพ: seosherpa.com
เทคนิคการเขียน Anchor Text ที่ Google ชอบ
สำหรับใครที่ต้องการเขียน Anchor Text ที่มีคุณภาพและ Google ชอบ เรามีเทคนิคการเขียน Anchor Link มาฝาก ดังนี้
- เขียน Anchor Text ที่กระชับได้ใจความ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดความยาวในการเขียน Anchor Text แต่สำหรับในด้านการเขียนก็ควรที่จะทำให้ Anchor Text สั้น กระชับ และได้ใจความเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยวิธีการใช้ข้อความควรที่จะดูว่าคำแบบไหนที่จะทำให้คนอยากคลิกลิงก์มากที่สุด หรืออธิบายถึงหน้าเว็บไซต์ที่จะทำการลิงก์ไปได้ดีที่สุด
- เขียนให้เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ที่จะลิงก์ไป
Google มีเมตริกที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบความเกี่ยวข้องกันระหว่างหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ที่ทำการลิงก์เข้าหากัน และสิ่งนี้มีผลต่อการจัดอันดับ SEO ด้วย เช่น หัวข้อของหน้า A กับหน้า B หากหน้าหนึ่ง ลิงก์ไปยังอีกหน้าหนึ่ง ลิงก์ที่มีความเกี่ยวข้องสูงสามารถช่วยปรับปรุงการจัดอันดับของอีกหน้าหนึ่งได้ ดังนั้น Anchor Text ที่ใช้ในการเชื่อมโยงกลับไปหน้าเว็บไซต์ต่างๆ จึงต้องเขียนให้เกี่ยวข้องกับหน้าเพจนั้นๆ และทำให้เป็นตัวบ่งชี้ความเกี่ยวข้องระหว่างหน้าเว็บไซต์มากขึ้นด้วย
- ตรวจสอบความหนาแน่นของ Keyword ที่ใช้เขียน Anchor Text
อย่างที่บอกไปแล้วว่า มีการอัปเดตอัลกอริทึมของ Penguin จึงทำให้ Google เริ่มพิจารณาการใช้คำ Keyword ใน Anchor Text มากขึ้น โดยจะตรวจสอบความหนาแน่นของการใช้ Anchor Text ว่ามีความเป็นธรรมชาติหรือไม่ มีการใช้คำที่หลากหลายหรือเปล่า ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับความถี่ที่ใช้ในการเขียน Anchor Text ด้วย
ข้อควรระวังในการทำ Anchor Text
การทำ Anchor Text ในบางประเภท เช่น Exact Match Anchor Text ที่ทำลิงก์ไว้ใน Focus Keyword ควรจะใช้แค่ในบางจุดและใช้เฉพาะในจุดที่สื่อความหมายเท่านั้น เพราะถ้าหากทำการใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากและมีการทำ Anchor Text ที่ผิดธรรมชาติอาจทำให้ Google อาจจะมองว่าเป็น Spam Link และจะถูกมองว่าตั้งใจทำ Anchor Text มากจนเกินไป
สรุป
Anchor Text องค์ประกอบหนึ่งที่ทั้งคนเขียนคอนเทนต์และคนทำ SEO จะต้องให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีผลต่อ Google Bot ในการทำความเข้าใจบริบทของเนื้อหาบนเว็บไซต์แล้ว Anchor Text ก็ยังเป็นเหมือนช่องทางนำผู้อ่านไปยังเนื้อหาที่พวกเขาสนใจเพิ่มเติมด้วย ซึ่งถ้าใช้เทคนิคที่ดีก็จะช่วยทำให้ผู้อ่านอยู่บนเว็บไซต์ของคุณได้นานมากยิ่งขึ้นด้วย และยังรู้สึกเชื่อถือจนกลับมาใช้งานซ้ำเพื่อดูข้อมูลที่สนใจเพิ่มเติมได้ด้วย
ดังนั้น อย่าลืมหยิบเทคนิคการเขียน Anchor Text ที่เรานำเสนอเอาไว้ในบทความนี้เพื่อทำให้ Google ชอบและปรับแต่งวิธีการเขียน SEO Content ที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์ให้อ่านง่าย อ่านสนุก และได้ประโยชน์จากการ Search เข้ามาเจอเว็บไซต์ของคุณด้วยนะครับ
อ้างอิง
https://ahrefs.com/blog/anchor-text/
https://moz.com/learn/seo/anchor-text
https://neilpatel.com/blog/anchor-text/
https://terakeet.com/blog/anchor-text/