Home - CRO - Heatmap คืออะไร? รู้จักเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เพื่อการทำ SEO อีกขั้น

Heatmap คืออะไร? รู้จักเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เพื่อการทำ SEO อีกขั้น

Heat Map

ปัจจุบันการทำการตลาดออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น การใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมบนเว็บไซต์จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ทำ SEO เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น โดยเฉพาะ “Heatmap” ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่ม Conversion หรืออัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำงานของ Heatmap สามารถช่วยให้ผู้ทำ SEO ได้เห็นว่า ผู้ใช้เว็บไซต์มีพฤติกรรมอย่างไรบ้างเมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ทำให้เราสามารถปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการปรับ Conversion Rate Optimization (CRO) ที่จะทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Heatmap อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการใช้งานและเครื่องมือที่สามารถนำมาช่วยในการวิเคราะห์ Heatmap ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำไมมันถึงสำคัญต่อการทำ SEO

Heatmap คืออะไร?

Heatmap หรือ Heatmap Analysis คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เรามองเห็นพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ในรูปแบบของการแสดงผลที่มีสีต่างๆ บนแผนที่ของเว็บไซต์ที่เราติดตั้งเครื่องมือนี้ไว้ โดยจะใช้สีที่แตกต่างกันเพื่อแสดงถึงจุดที่มีการคลิก, เลื่อนเมาส์ หรือการโต้ตอบกับเว็บไซต์มากที่สุด ซึ่งจะแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น สีแดง หรือสีส้มแสดงถึงจุดที่ผู้ใช้สนใจมากที่สุด ขณะที่สีฟ้าหรือสีเขียวจะบ่งบอกถึงจุดที่มีการคลิกน้อยที่สุด

สำหรับการทำ SEO การใช้ Heatmap ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์จุดที่ผู้ใช้สนใจมากที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ เราสามารถปรับปรุงให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจและเพิ่ม Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทํา heat map

หลักการทำงานของ Heatmap ทำงานอย่างไร ? 

Heatmap ใช้ข้อมูลที่ได้จากพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การคลิกที่ปุ่ม การเลื่อนเมาส์ การเลื่อนหน้าจอ หรือการหยุดนิ่งที่จุดใดจุดหนึ่งของหน้าเว็บไซต์มาวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบของแผนที่ เพื่อให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ใช้มีการทำกิจกรรมที่ไหนบ้างบนหน้าเว็บ โดยที่จุดที่ผู้ใช้ให้ความสนใจมากจะถูกแสดงในสีที่ร้อน (เช่น สีแดงหรือสีส้ม) และจุดที่มีการโต้ตอบน้อยหรือไม่มีการโต้ตอบเลยจะถูกแสดงด้วยสีเย็น (เช่น สีน้ำเงินหรือสีฟ้า)

การแสดงผลด้วย Heatmap ทำให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้นและทำการปรับปรุงเว็บไซต์ตามความต้องการจริงๆ ซึ่งทำให้การทำเว็บไซต์หรือการทำ SEO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการวัดผลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่เหล่าบริษัทรับทำ SEO และบริษัทรับทำ CRO มักนิยมใช้งานกันในปัจจุบัน

Heatmap มีประโยชน์อย่างไรต่อการทำเว็บไซต์?

การใช้ Heatmap ในการทำเว็บไซต์มีประโยชน์หลายด้านที่สามารถช่วยให้ผู้ทำ SEO หรือเจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และเพิ่มอัตราการแปลง Conversion ได้ดังนี้

  • ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ (User Journey) : Heatmap สามารถแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้คลิกหรือมองหาข้อมูลที่ไหนบนหน้าเว็บไซต์ เช่น หากผู้ใช้ไม่คลิกที่ปุ่ม Call to Action ที่คุณวางไว้ อาจแสดงให้เห็นว่าคุณต้องปรับตำแหน่งหรือการออกแบบของปุ่มนั้น
  • ปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์: การดู Heatmap สามารถช่วยให้คุณรู้ว่าองค์ประกอบของเว็บไซต์ใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากที่สุด เช่น หากมีส่วนที่ผู้ใช้เลื่อนผ่านหรือไม่สนใจเลย ก็สามารถปรับปรุงการจัดวางหรือการออกแบบเพื่อดึงดูดความสนใจได้
  • เพิ่ม Conversion Rate: ด้วยการวิเคราะห์การคลิกหรือการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ คุณสามารถปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อเพิ่มอัตราการแปลง เช่น การเปลี่ยนสีของปุ่มหรือปรับคำสั่งที่ผู้ใช้ต้องการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่เอเจนซี่ที่มีบริการรับทำ CRO จะใช้งานเครื่องมือ Heatmap นี้เพื่อหากลยุทธ์ในการเพิ่มยอด Conversion ให้ลูกค้า
  • ช่วยปรับปรุงการทำ UX/UI: เมื่อเห็นพฤติกรรมของผู้ใช้ คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ (UX) และการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ให้น่าสนใจและตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
  • ประหยัดเวลาในการทดสอบ: แทนที่จะทดสอบแบบ A/B หรือการทดลองเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์, Heatmap ช่วยให้คุณรู้ได้ทันทีว่าผู้ใช้ชอบหรือไม่ชอบส่วนไหนของเว็บไซต์ ทำให้ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการทดสอบ

สอนการดู Heatmap แบบง่าย ๆ รู้จักผลลัพธ์สีบน Heatmap Analysis

การวิเคราะห์ Heatmap อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อเข้าใจการแสดงผลของสีต่างๆ แล้ว คุณจะสามารถเข้าใจข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยการใช้สีที่แตกต่างกันในการแสดงผลจะช่วยให้เรารู้ถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ได้

  • สีแดง: แสดงถึงพื้นที่ที่ผู้ใช้มีการคลิกหรือโต้ตอบมากที่สุด บ่งบอกถึงจุดที่ผู้ใช้ให้ความสนใจสูง
  • สีส้ม: แสดงถึงพื้นที่ที่มีการคลิกหรือการโต้ตอบในระดับกลาง เป็นจุดที่ผู้ใช้บางกลุ่มสนใจ
  • สีเหลือง: แสดงถึงพื้นที่ที่มีการคลิกน้อยหรือไม่ค่อยมีการโต้ตอบ
  • สีเขียวหรือสีฟ้า: แสดงถึงพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการคลิกหรือการโต้ตอบเลย

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ และ Heatmap แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ไม่ค่อยคลิกที่ปุ่ม “ซื้อเดี๋ยวนี้” แม้ว่าจะวางไว้ในตำแหน่งที่เด่นชัด แสดงว่าอาจมีบางสิ่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ขนาดปุ่มเล็กเกินไปหรือการใช้คำไม่ชัดเจน ดังนั้นการปรับปรุงจุดนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการคลิกได้

heat map คือ

Heatmap มีกี่ประเภท? แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร

Heatmap สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของข้อมูลที่ต้องการวิเคราะห์ โดยแบ่งได้ดังนี้

1. Click Heatmap

Click Heatmap แสดงถึงจุดที่ผู้ใช้คลิกบนเว็บไซต์ โดยจะบ่งบอกถึงพื้นที่ที่มีการคลิกมากที่สุด ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์เข้าใจว่าผู้ใช้มีความสนใจในส่วนไหนมากที่สุด และสามารถปรับปรุงการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

2. Scroll Heatmap

Scroll Heatmap แสดงถึงพื้นที่ที่ผู้ใช้เลื่อนผ่านบนหน้าเว็บไซต์ เป็นการวิเคราะห์ว่าผู้ใช้จะเลื่อนลงไปที่จุดไหนของหน้าเว็บ ทำให้เราสามารถปรับปรุงการวางเนื้อหาหรือเรียงลำดับข้อมูลให้เหมาะสม

3. Move Heatmap

Move Heatmap แสดงถึงการเคลื่อนไหวของเมาส์บนหน้าเว็บ ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าผู้ใช้ให้ความสนใจที่ส่วนไหนของหน้าเว็บไซต์บ่อยที่สุด

4. Attention Heatmap

Attention Heatmap เป็นการแสดงผลการโต้ตอบของผู้ใช้ที่เกิดจากการวางแผนการออกแบบ เช่น จุดที่ดึงดูดความสนใจจากข้อความหรือภาพต่างๆ บนเว็บไซต์

แนะนำ 3 เครื่องมือสำหรับการทำ Heatmap ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรม Users บนเว็บไซต์ 

ต่อมาเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากทราบแล้วว่า ในปัจจุบันมีเครื่องมือหรือโปรแกรมอะไรบ้างในการทำ Heatmap Analysis ในส่วนนี้จะขอแนะนำ 3 เครื่องมือที่ได้รับความนิยมและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทำ Heatmap โดยแต่ละเครื่องมือมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันและมีความเหมาะสมกับประเภทเว็บไซต์หรือธุรกิจที่ต่างกันไป ดังนี้

1. Hotjar

Hotjar คือเครื่องมือที่ให้บริการการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์อย่างครบวงจร โดยไม่เพียงแต่ให้ Heatmap เท่านั้น แต่ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างการบันทึกการเดินทางของผู้ใช้ (Session Recording), การสำรวจความพึงพอใจ (Surveys) และเครื่องมือการโพลล์ (Polls) ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมือที่ครบครันในการวิเคราะห์และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI)

hotjar คือ

ฟีเจอร์สำหรับการทำ Heatmap ของ Hotjar มีอะไรบ้าง ? 

  • Click Heatmaps: แสดงผลการคลิกของผู้ใช้บนเว็บไซต์ พร้อมทั้งบ่งบอกจุดที่ผู้ใช้สนใจมากที่สุด
  • Scroll Heatmaps: ช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้เลื่อนหน้าเว็บไปที่ไหนบ้าง และจะบอกให้คุณทราบว่าผู้ใช้หยุดดูที่ส่วนใดของหน้าเว็บไซต์
  • Move Heatmaps: แสดงการเคลื่อนไหวของเมาส์ของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้ให้ความสนใจที่ไหนในหน้าจอ
  • Session Recording: ฟีเจอร์นี้สามารถบันทึกการเดินทางของผู้ใช้ในเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อให้คุณเห็นภาพการใช้งานจริง (แบบไม่ระบุชื่อ)
  • Surveys and Polls: การเพิ่มแบบสำรวจหรือโพลล์ในเว็บไซต์เพื่อรับความคิดเห็นจากผู้ใช้โดยตรง

ข้อดีของ Hotjar

  • การใช้งานง่าย: อินเตอร์เฟซที่เข้าใจง่ายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ฟีเจอร์ครบครัน: รองรับการทำ Heatmap, Recordings, Surveys และ Polls ได้ครบถ้วน
  • ฟีเจอร์ฟรี: มีเวอร์ชันฟรีที่สามารถใช้ได้สำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กและทดลองใช้ฟีเจอร์ต่างๆ
  • ราคาค่อนข้างยืดหยุ่น: มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันที่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ $39/เดือน

ราคา

  • ฟรี: สำหรับผู้ใช้ที่มีการเข้าชมเว็บไซต์ต่ำ (ได้ 2,000 การเข้าชมต่อเดือน)
  • Plus Plan: $39/เดือน สำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากขึ้น
  • Business Plan: $99/เดือน (เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่)

2. Microsoft Clarity

Microsoft Clarity เป็นเครื่องมือฟรีที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งมีฟีเจอร์ครบถ้วนที่เหมาะสำหรับการทำ Heatmap และการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ โดยตัวฟีเจอร์ของ Mircosoft Clarity ในการทำ Heatmap Analysis นั้นจะค่อนข้างเหมือนกับ Hotjar เกือบทุกฟีเจอร์ แต่ Mircosoft Clarity จะไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือใช้งานได้ ‘ฟรี’ นั่นเอง

heat map analysis

ฟีเจอร์สำหรับการทำ Heatmap Analysis ของ Hotjar มีอะไรบ้าง ? 

  • Click Heatmap: แสดงผลการคลิกของผู้ใช้ในรูปแบบ Heatmap โดยจะแสดงพื้นที่ที่มีการคลิกมากที่สุดในสีแดง
  • Scroll Heatmap: ช่วยให้ทราบว่าผู้ใช้เลื่อนหน้าเว็บไปที่ไหนบ้าง และหยุดดูเนื้อหาที่ไหน
  • Session Recordings: สามารถบันทึกและดูการท่องเว็บของผู้ใช้แบบ Replays (เหมือนการดูวิดีโอ) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
  • Insights Dashboard: แสดงข้อมูลสรุปเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ในเว็บไซต์ และแสดงสถิติการใช้งานที่ช่วยให้สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้
  • Heatmap Analytics: ให้ข้อมูลแบบละเอียดว่าองค์ประกอบไหนในหน้าเว็บที่ผู้ใช้ให้ความสนใจและโต้ตอบมากที่สุด

ข้อดีของ Microsoft Clarity

  • ฟรี 100%: ไม่มีค่าใช้จ่าย แม้จะใช้ฟีเจอร์ทั้งหมด
  • ไม่มีข้อจำกัดในการเก็บข้อมูล: รองรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่และสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มาก
  • ฟีเจอร์ครบถ้วน: มี Heatmaps, Session Recordings, Insights ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ
  • การใช้งานง่าย: อินเทอร์เฟซที่ไม่ซับซ้อนและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ราคา : ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมด (แอบกระซิบว่าที่ NerdOptimize บริษัทรับทำ SEO ก็ใช้งาน Microsoft Clarity ในการทำ CRO ให้ลูกค้าเหมือนกัน)

3. Crazy Egg

Crazy Egg เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ Heatmap ที่มีความหลากหลายและมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ฟีเจอร์ของ Crazy Egg จะเน้นไปที่การทำ Heatmap และการทดสอบ A/B เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบเว็บไซต์

การทำ heatmap

ฟีเจอร์ในการทำ Heatmap Analysis ของ Crazy Egg มีอะไรบ้าง ? 

  • Heatmap: แสดงการคลิก การเลื่อนเมาส์ และการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ในเว็บไซต์ พร้อมข้อมูลการคลิกที่มีประสิทธิภาพ
  • Scroll Map: แสดงว่า ผู้ใช้เลื่อนหน้าจอไปถึงจุดไหนบ้างในหน้าเว็บ
  • Confetti Map: แสดงผลคลิกเป็นจุดๆ ในรูปแบบของการกระจายสีต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถแยกประเภทการคลิกได้ตามแหล่งที่มา (เช่น การคลิกจากแหล่งที่มาจากโฆษณาหรือการค้นหาผ่าน Google)
  • A/B Testing: Crazy Egg รองรับการทดสอบ A/B สำหรับการเปรียบเทียบการออกแบบหรือการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ บนเว็บไซต์
  • User Session Recording: ฟีเจอร์บันทึกการเดินทางของผู้ใช้ในเว็บไซต์ ช่วยให้คุณเห็นภาพการใช้งานจริงของผู้ใช้

ข้อดีของ Crazy Egg

  • ฟีเจอร์ครบครัน: มีทั้ง Heatmaps, A/B Testing, Scroll Maps และ Session Recording
  • ใช้งานง่าย: อินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อน
  • เครื่องมือในการทดสอบ A/B: รองรับการทดสอบ A/B ซึ่งสามารถใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

ราคา

  • Basic Plan: $24/เดือน สำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมไม่เกิน 30,000 คน/เดือน
  • Standard Plan: $49/เดือน สำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากขึ้น
  • Plus Plan: $99/เดือน สำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่
  • Pro Plan: $249/เดือน สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการฟีเจอร์พิเศษ

Heatmap นอกจากช่วยในการทำ SEO แล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายบนเว็บไซต์ได้ด้วย 

Heatmap ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่เราอยากแนะนำในการช่วยทำ SEO ให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังสามารถเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการเพิ่มยอดขายบนเว็บไซต์ได้ด้วย เพราะจะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์, เปลี่ยนตำแหน่งของปุ่ม Call to Action, หรือเพิ่มเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์มากขึ้น และในที่สุดก็เพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) และยอดขายของเว็บไซต์ตามมาได้นั่นเอง

สำหรับผู้ที่ต้องการให้การทำ CRO (Conversion Rate Optimization) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ 100% บริษัท NerdOptimize พร้อมที่จะช่วยสร้างความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณ ด้วยบริการรับทำ CRO ที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มอัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้า ผ่านการใช้เครื่องมืออย่าง Heatmap และการทดสอบ A/B การวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมผู้ใช้ 
เราพร้อมช่วยให้คุณปรับปรุงการออกแบบและประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI) เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงแค่ดึงดูดลูกค้า แต่ยังสามารถเพิ่มยอดขายได้จริง หากคุณต้องการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปอีกขั้น ติดต่อทีมงานของเราเพื่อให้เราช่วยคุณออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่ม Conversion อย่างมีประสิทธิภาพ! สอบถามรายละเอียดการทำ CRO ฟรี! คลิกที่นี่

รับทำ SEO ติดหน้าแรก

ค้นหา บทความอื่นๆ

Search

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

Long Tail Keyword คืออะไร

Long Tail Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับการทำ SEO

Long Tail Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับการทำ SEO ช่วยทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ 1 ได้อย่างไร มาดูวิธีการทำ Long Tail Keyword และตัวอย่างไปพร้อมๆ กัน

อ่านบทความ ➝
https คือ

รู้จัก HTTPS เคล็ดลับช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เว็บไซต์ พร้อมดันอันดับ SEO

วิธีการทำ SEO ที่นักการตลาดหลายคนมักลืมนึกไปนั่นก็คือเรื่องของ HTTPS ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ Search Engine อย่าง Google ให้ความสำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ด้วยนั่นเอง

อ่านบทความ ➝
Meta Tag

Meta Tag คืออะไร ? แนะนำการเขียน Meta Tag ให้ช่วยทำอันดับ SEO ดียิ่งขึ้น

Meta Tag คือ ข้อความหรือ Tag Line ที่มีไว้เพื่ออธิบายว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยจะปรากฏอยู่บน Source Code เท่านั้น เป็นส่วนสำคัญในการทำอันดับ SEO

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top