Home - Ai - Gemini คืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง แนะนำฟีเจอร์ AI สุดล้ำจาก Google

Gemini คืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง แนะนำฟีเจอร์ AI สุดล้ำจาก Google

Gemini คืออะไร

ยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น และ Gemini คือ หนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจากฟีเจอร์สุดล้ำที่ตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน เช่น การเป็นผู้ช่วยวางแผน, ใช้หาไอเดียทำคอนเทนต์, ใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ 

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดที่ต้องการสร้างแคมเปญที่น่าดึงดูด เจ้าของธุรกิจที่ต้องการเข้าใจลูกค้าของคุณมากขึ้น หรือผู้สร้างคอนเทนต์ที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ Gemini AI คือ เครื่องมือที่สามารถช่วยคุณได้ มาดูกันดีกว่าว่า ถ้าจะใช้งาน AI ตัวนี้ต้องทำอย่างไร และมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ!

Gemini คืออะไร ทำความรู้จักกับ Google AI 

Gemini คือ

Gemini คือ แพลตฟอร์ม AI สุดล้ำจาก Google ในรูปแบบ Multimodal Transformer ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักการตลาดและธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ที่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำสั่งของมนุษย์ในการถาม-ตอบข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและโค้ดก็สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมด

และด้วยความสามารถในการทำงานที่หลากหลาย Gemini จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่ AI และ Generative AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือกลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการทำงานแบบเดิมๆ ลงไปได้อีกหลายเท่าตัวด้วย

Gemini มีแพ็คเกจระดับการใช้งานแบบไหนบ้าง ? 

Google Gemini มีการแบ่งแพ็คเกจการใช้งานออกเป็น 2 ระดับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ดังต่อไปนี้ 

1. Gemini ในรูปแบบปกติ

  • การเข้าใช้งาน: สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป 
  • โมเดลที่ใช้: ใช้โมเดล AI พื้นฐานที่ครอบคลุมการทำงานทั่วไป เช่น การตอบคำถาม การสร้างข้อความเบื้องต้น และการสรุปข้อมูล 
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งานทั่วไปหรือนักการตลาดที่ต้องการเครื่องมือช่วยในงานเบื้องต้น เช่น การสร้างคอนเทนต์ที่ไม่ซับซ้อน เป็นต้น

2. Gemini ในรูปแบบ Advanced

  • การใช้งาน: เป็นแพ็คเกจแบบเสียเงิน มีการสมัครสมาชิกรายเดือน
  • โมเดลที่ใช้: จะใช้รูปแบบโมเดลที่พิเศษกว่า เช่น Gemini Ultra ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลได้ซับซ้อนและรวดเร็วขึ้น เป็นต้น ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงได้ลึกขึ้น สร้างคอนเทนต์ที่มีความแม่นยำและละเอียดกว่า รวมถึงสามารถตอบคำสั่งที่ซับซ้อน และทำความเข้าใจบริบทได้ดีขึ้น
  • สิทธิพิเศษเพิ่มเติม: จะได้สิทธิ์เข้าใช้งาน Gemini ใน Gmail, เอกสาร และอื่นๆ, พื้นที่เก็บข้อมูล 2 TB และสิทธิประโยชน์อื่นๆ จาก Google One
  • ราคา: เริ่มต้นที่ ฿750 THB/เดือน (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Google Gemini Advanced)
  • เหมาะสำหรับ: นักการตลาดมืออาชีพ นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำจากการคุยกับ Google AI

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Gemini แบบปกติ และ Gemini Advanced

คุณสมบัติGemini แบบปกติGemini Advanced
ราคาฟรีเริ่มต้นที่ ฿750 THB/เดือน (เดือนแรกฟรี)
โมเดล AIGemini 1.5 FlashGemini 1.5 Pro
การอัปโหลดเอกสารไม่รองรับรองรับการอัปโหลดข้อมูลขนาดใหญ่
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดมาตรฐานเข้าถึงก่อนใคร
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่มี2TB จาก Google One
การใช้งานร่วมกับ Gmail และ Docsจำกัดรองรับบางภาษา

จุดเด่นด้านการใช้งานของ Gemini มีอะไรบ้าง  

จุดเด่นด้านการใช้งานของ Google AI Gemini นั้นมีมากกว่าด้านการค้นหาข้อมูล เพราะนี่คือผลิตภัณฑ์ของ Google ที่มีความเป็น Ecosystem อยู่ในตัว มาดูกันดีกว่าว่า อะไรที่ทำให้ Gemini พิเศษกว่า AI อื่นๆ 

  • ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Google AI Gemini ยกตัวอย่างเช่น
    • ใน Gemini Advanced สามารถรองรับบริบทถึง 1 ล้านโทเค็น ทำให้สามารถวิเคราะห์เอกสารและข้อมูลจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน
    • มีฟีเจอร์ Multimodal AI รองรับการทำงานกับ ข้อความ, รูปภาพ และวิดีโอ ช่วยให้การใช้งานมีความยืดหยุ่นและครอบคลุม
  • ใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติขั้นสูง (NLP) ช่วยให้เข้าใจคำสั่งและบริบทที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างแม่นยำ ทั้งการสร้างข้อความสั้น-ยาว การสรุปข้อมูล หรือการวิเคราะห์บทสนทนาต่างๆ ที่ดูเหมือนกับมนุษย์
  • เนื่องจากทำงานแบบ Multimodal จึงสามารถประมวลผล ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอพร้อมกัน ช่วยให้ผลลัพธ์มีความหลากหลาย
  • รองรับการเชื่อมต่อกับ Google Workspaces เพราะสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือในเครือ Google เช่น Gmail, Google Docs และ Sheets ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว
  • สมาชิก Gemini Advanced ได้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมผ่าน Google One เพิ่มขึ้นอีก 2TB
  • ผู้ใช้ Gemini Advanced จะได้ทดลองฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดก่อนผู้ใช้งานแบบทั่วไป

Gemini VS ChatGPT เทียบชัด ๆ เครื่องมือ AI ตัวไหนดีกว่ากัน 

Gemini vs ChatGPT

สำหรับใครที่กำลังเปรียบเทียบการใช้งานระหว่าง ChatGPT VS Gemini AI ลองมาดูกันว่า 2 เครื่องมือที่เป็น Open AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกนี้มีจุดเด่นและข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้างในแต่ละด้าน ดังนี้

1. โมเดลและการทำงาน

  • Gemini จะพัฒนาโดย Google ใช้โมเดลหลายโมเดล เช่น Gemini Ultra ที่ทำงานในรูปแบบ Multimodal รองรับข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ 
  • ChatGPT: ทำงานโดยใช้ GPT-4 จาก OpenAI รองรับข้อความและรูปภาพเท่านั้น

2. ขนาดบริบท (Context)

  • Gemini รองรับโทเค็นจำนวนมาก ทำให้ประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อนและยาวกว่าได้ดีกว่า
  • ChatGPT จะจำกัดจำนวนโทเค็นใน GPT-4 (ประมาณ 32,000 โทเค็น)

3. ความสามารถในการเชื่อมต่อ

  • Gemini สามารถใช้งานร่วมกับ Google Workspace เช่น Docs, Sheets และ Gmail 
  • ChatGPTรองรับปลั๊กอินและการเชื่อมต่อ API ที่หลากหลาย แต่ไม่จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือของ Google ได้ในรูปแบบที่เหมือนกับ Gemini

4. ค่าใช้จ่าย

  • Gemini ในการใช้งานแบบปกติจะใช้งานฟรี ส่วนรุ่น Advanced ราคา $19.99/เดือน
  • ChatGPT ในการใช้งานแบบ GPT-3.5 จะใช้งานฟรี และรุ่น GPT-4 ใน ChatGPT Plus ราคา $20/เดือน

5. ความยืดหยุ่นและการใช้งาน 

  • Gemini เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตอบคำสั่งซับซ้อน และใช้งานร่วมกับเครื่องมือ Google 
  • ChatGPT จะเด่นในด้านการสร้างคอนเทนต์ เขียนโค้ด และการให้คำแนะนำในงานทั่วไป

6. ประสบการณ์การใช้งาน (User Experience)

  • Gemini จะให้ประสบการณ์ที่ยืดหยุ่นกว่า 
  • ChatGPT รองรับข้อความและภาพ พร้อมใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม

แชร์ 5 เทคนิคใช้ Gemini ช่วยทำงาน สำหรับนักการตลาด

การนำ Gemini Google AI มาใช้ในการทำงานด้านการตลาดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกลยุทธ์ การสร้างคอนเทนต์ หรือการเขียนโค้ดเบื้องต้น มาดูเทคนิคที่นักการตลาดควรลองใช้งานกันดีกว่า

ช่วยวางแผนการทำการตลาด

Gemini คือ เครื่องมือที่สามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและเทรนด์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นักการตลาดสามารถนำ Gemini มาช่วยวางแผนแคมเปญ หาไอเดียในการวางแผน หรือใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย โดยหลักการเขียน Prmopt ที่ดีสำหรับ Gemini ในเบื้องต้นจะประกอบด้วย 

  • บุคลิก (Persona) โดยกำหนดบทบาทของ AI ให้แสดงราวกับว่าเป็นคน เช่น บอกให้เป็นนักการตลาด
  • งานหลัก (Main Task) โดยอธิบายว่า Gemini ต้องทำอะไร เช่น สร้างแผนการตลาดจาก SMART Framework ฯลฯ ถ้าให้ Output ที่ชัด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • ข้อมูลเพิ่มเติม (Context) เกี่ยวกับงาน เช่น ให้ Scope ของงาน, รายละเอียดของงาน
  • รูปแบบ (Format) โดยการบอกว่าผลลัพธ์ที่อยากได้นั้นเป็นอะไร เช่น Email, รายงาน, บทความ, Social Post เป็นต้น

ช่วยเขียนบทความ SEO หรือเขียนคอนเทนต์

สามารถใช้ Gemini ในการสร้างบทความ SEO ที่มี Keyword ที่ต้องการ หรือใช้ในการเขียนคอนเทนต์ต่างๆ เช่น Social Post ได้จากการเสียงคำสั่ง Prmopt ระบุข้อมูลที่ต้องการจะให้ทำ เช่น 

  • บุคลิก (Persona) สั่งให้เป็น Content Creator ทำหน้าที่เขียนคอนเทนต์
  • งานหลัก (Main Task) เขียนให้เขียนให้ละเอียดเท่าที่เป็นไปได้ว่าให้ AI ทำอะไร เช่น อยากให้สร้างไอเดีย Content เกี่ยวกับ Data โดยเน้นเจาะลึกข้อมูลเฉพาะด้าน Social Media Data เพื่อทำให้คนเห็นความสำคัญของการใช้  Social Media Data ในการทำงานว่าใช้ในการหาอินไซต์ได้จริง โดยผู้อ่านที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ทีม Data, IT และบุคคลทั่วไปที่สนใจการทำ Data-Driven 
  • ข้อมูลเพิ่มเติม (Context) เกี่ยวกับงาน เช่น ใช้ในน้ำเสียงที่เป็นกันเอง สนุกสนาน เพราะเนื้อหาใช้ลงในเว็บไซต์ xxx ที่เป็นเว็บไซต์แบบ Personal Blog 
  • รูปแบบ (Format) เช่น อยากให้เขียนในรูปแบบบทความ ตอบเป็นข้อๆ พร้อมคำอธิบาย

สามารถเขียนโค้ดในระดับเบื้องต้นได้ 

สำหรับนักการตลาดที่ต้องการทำงานเชิงเทคนิคอย่างการเขียนโค้ด Gemini สามารถช่วยเขียนและแก้ไขโค้ดเบื้องต้น เช่น HTML หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO ได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • บุคลิก (Persona): นักการตลาดดิจิทัลที่ทำงานเชิงเทคนิค ต้องการปรับปรุง SEO บนเว็บไซต์
  • งานหลัก (Main Task): ช่วยเขียนและแก้ไขโค้ด HTML/CSS เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO เช่น การสร้าง Meta Tags, Heading Structure และเพิ่ม Alt Text ให้กับภาพ
  • ข้อมูลเพิ่มเติม (Context): มีเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มอันดับบน Google Search และต้องการโค้ดที่เป็นมิตรต่อ SEO พร้อมคำอธิบายการใช้งาน
  • รูปแบบ (Format): HTML/CSS Code พร้อมคำอธิบายการทำงาน

มาดูตัวอย่างคำสั่งเพิ่มเติมกันต่อนะครับ 

  • ตัวอย่างสั่งให้เขียน Meta Tags สำหรับ SEO เช่น เขียนโค้ด HTML สำหรับ Meta Title และ Meta Description ของหน้าเว็บที่ขายครีมบำรุงผิว พร้อมคำอธิบายวิธีการใช้งานโค้ดนี้เพื่อเพิ่ม SEO
  • ตัวอย่างสั่งให้เพิ่ม Heading Structure บนเว็บไซต์ เช่น เขียนโค้ด HTML สำหรับหน้า Landing Page ของหน้าเว็บที่ขายครีมบำรุงผิว (ลิงก์หน้าเว็บไซต์) โดยใช้ Heading (H1, H2, H3) อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้ SEO ดีขึ้น

ช่วยสรุปและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

 Gemini สามารถช่วยประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการสรุปรีพอร์ต วิเคราะห์ผลแคมเปญ หรือทำ Dashboard ข้อมูลที่เข้าใจง่ายได้ เช่น 

  • บุคลิก (Persona): นักการตลาดดิจิทัลที่ต้องการสรุปข้อมูลจากแคมเปญการตลาด
  • งานหลัก (Main Task): สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์จากแคมเปญโฆษณา เพื่อค้นหา Insights สำคัญ และสร้างรายงานที่เข้าใจง่าย
  • ข้อมูลเพิ่มเติม (Context): ข้อมูลมาจากแคมเปญ Facebook Ads, Google Ads หรือรีพอร์ตการตลาดต้องการให้สรุปผลลัพธ์ เช่น ค่า CTR, Conversion Rate, ROI และคำแนะนำในการปรับปรุง
  • รูปแบบ (Format): สรุปเป็นข้อความสั้นๆ พร้อมแผนภูมิ/ตาราง เขียนเป็นบทวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และให้ข้อเสนอแนะ

สร้างไอเดียสำหรับแคมเปญโฆษณา

Gemini สามารถช่วยหาไอเดียสำหรับทำแคมเปญโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น

  • บุคลิก (Persona): นักการตลาดที่ดูแลการสร้างแคมเปญโฆษณาสำหรับแบรนด์สินค้าใหม่ 
  • งานหลัก (Main Task): ช่วยสร้างไอเดียแคมเปญที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมแนวคิดคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เช่น คำโปรโมต สโลแกน หรือกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจ 
  • ข้อมูลเพิ่มเติม (Context): สินค้าเป็นครีมกันแดดสำหรับวัยรุ่น กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงอายุ 18-25 ปี ที่สนใจเรื่องการดูแลผิวและชอบไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง วัตถุประสงค์: สร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ 
  • รูปแบบ (Format): สร้างไอเดียแคมเปญโฆษณาเป็น หัวข้อหลัก (Key Concept) เสนอสโลแกนโฆษณา และคำโปรโมต รวมถึงกิจกรรมหรือคอนเทนต์ที่แนะนำ โดยนำเสนอเป็นวิดีโอความยาวไม่เกิน 1 นาทีลงบน TikTok เป็นหลัก

สรุป Gemini คือ AI อัจฉริยะที่ช่วยในการทำงานได้จริงไหม?

สรุปแล้ว Google Gemini คือ AI อัจฉริยะจาก Google ที่ออกแบบมาช่วยในการทำงานได้จริง ด้วยความสามารถ Multimodal สามารถประมวลผล ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง อีกทั้ง ยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Google Workspace ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล สร้างคอนเทนต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้จริง 

ส่วนใครที่อยากจะทำการตลาดผ่าน AI เหล่านี้ก็ต้องทำความเข้าใจเรื่องต่อไปคือ GEO และ AEO ซึ่งจะเป็นเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏเป็นแหล่งอ้างอิงหรือคำตอบที่ผู้คนจะเห็นได้บน Gemini ได้ และนี่จะเป็นวิธีการทำการตลาดแห่งอนาคตที่นักการตลาดจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคของ AI มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

รับทำ SEO ติดหน้าแรก

ค้นหา บทความอื่นๆ

Search

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

conversion คือ

Conversion คืออะไร พร้อมแนะนำวิธีเพิ่ม Conversion Rate ที่สำคัญกับธุรกิจออนไลน์!

Conversion คือการโต้ตอบ หรือกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่ลูกค้าทำเมื่อเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการกดคลิก การสมัครแบบฟอร์ม การกดสั่งซื้อ หรือการกดจองสินค้า

อ่านบทความ ➝
หลักการกรองข้อมูล รวมถึงการจำกัดข้อมูลของ Search Console

เจาะลึกหลักการกรองข้อมูล รวมถึงการจำกัดข้อมูลของ Search Console performance

แหล่งข้อมูลของ Search Console ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน คือ Google Search performance ทั้งตัว Tools ที่เรียกว่า Performance report  และ Search Analytics API

อ่านบทความ ➝

สอนวิธีใช้ Facebook Chatbot คู่กับ Facebook Ads เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลายๆท่านที่มาใช้ Facebook Chatbot จะมีจุดประสงค์เดียวกันก็คือต้องการที่จะสร้าง Subscribe Chatbot ให้เยอะๆ บทความนี้จะแชร์เทคนิคสร้าง Subscribe ไปดูกันเลย

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top