Home - SEO - โดเมน คืออะไร? คู่มือจดโดเมนสำหรับมือใหม่ที่ต้องการทำเว็บไซต์ให้ดีต่อ SEO

โดเมน คืออะไร? คู่มือจดโดเมนสำหรับมือใหม่ที่ต้องการทำเว็บไซต์ให้ดีต่อ SEO

โดเมน คืออะไร

หากคุณต้องการที่จะเริ่มต้นทำเว็บไซต์ สิ่งแรกที่คุณต้องทำความรู้จักและทำความเข้าใจเลยก็คือเรื่องของ “โดเมน” แต่โดเมนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการทำเว็บไซต์และการทำ SEO? 

โดยพื้นฐานแล้ว Domain Name คืออะไร? 

Domain คือ ที่อยู่ของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บของคุณได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องจดจำตัวเลขใน URL คือ สิ่งที่นำพาผู้ใช้งานไปยังหน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ ดังนั้น หากคุณเลือกโดเมนที่เหมาะสม นอกจากจะดีต่อการสร้างแบรนด์ที่ช่วยให้คนจำแบรนด์ของคุณผ่าน Domain Name ได้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้มากขึ้นอีกด้วย

มาดูกันว่าการจดโดเมนควรต้องเริ่มทำอย่างไร และมีเทคนิคอะไรที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตในโลกออนไลน์ ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย

โดเมน คืออะไร ? 

โดเมน คือ ชื่อที่ใช้ระบุตำแหน่งของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่แทน IP Address ที่เป็นตัวเลขยาวๆ ซึ่งยากต่อการจดจำ เช่น www.example.com [ในที่นี้ example คือชื่อโดเมน และ .com คือส่วนขยายของโดเมน หรือที่เรียกว่า Top-Level Domain (TLD)]

ซึ่งการใช้โดเมนนั้นมีประโยชน์อยู่ในหลายๆ ด้าน เช่น 

  • ช่วยให้การเข้าถึงเว็บไซต์ง่ายขึ้นจากการที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถพิมพ์ชื่อโดเมนแทนการจำหมายเลข IP
  • การมีโดเมนที่จดจำง่าย ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจรู้จักและจำแบรนด์ได้จากชื่อโดเมน
  • ส่งผลดีต่อ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google 
  • ช่วยในการออกแบบเว็บไซต์ เพราะเมื่อมีโดเมนที่ดีจะช่วยในการกำหนดโครงสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและเป็นระเบียบมากขึ้น
โดเมน คือ

โดเมน มีกี่ประเภท?

เมื่อพูดถึงโดเมน หลายคนอาจสงสัยว่า โดเมน มีอะไรบ้าง และมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยโดเมนสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทซึ่งขึ้นอยู่กับลำดับชั้นและโครงสร้างของโดเมน ดังนี้

โดเมน 2 ระดับ

domain name คือ

โดเมน 2 ระดับ (Second-Level Domain) คือ โดเมนที่ประกอบด้วยชื่อโดเมนหลักและ Top-Level Domain (TLD) เช่น example.com โดย example คือชื่อโดเมนหลัก และ .com คือ TLD ซึ่งเป็นประเภทโดเมนที่นิยมใช้มากที่สุด เหมาะสำหรับธุรกิจ องค์กร หรือเว็บไซต์ทั่วไปที่ต้องการมีความน่าเชื่อถือและง่ายต่อการจดจำ

โดเมน 3 ระดับ 

โดเมน 3 ระดับ (Third-level Domain)

โดเมน 3 ระดับ (Third-level Domain) หรือที่เรียกกันว่า Subdomain จะเป็นโดเมนย่อยที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อแบ่งหมวดหมู่ย่อยให้กับเว็บไซต์ เช่น blog.example.com, shop.example.com, photo.example.org ฯลฯ ซึ่งโดเมนประเภทนี้เราจะเห็นใช้กันบ่อยๆ ตอนใช้ระบบ CMS อย่าง WordPress คือ การสร้างบล็อก หรือเว็บไซต์ที่มีหลายหมวดหมู่ให้ใช้งานแยกกันผ่านระบบการสร้างเว็บไซต์โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนโค้ดเองให้เสียเวลา

ประโยชน์ของโดเมน มีอะไรบ้าง ? ช่วยเรื่องการทำ SEO อย่างไร

การเลือกโดเมนที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจดูน่าเชื่อถือจากการที่คนจดจำชื่อเว็บไซต์ที่ตรงกับชื่อของธุรกิจได้ รวมถึงช่วยในการสร้าง Subdomain หรือเพิ่มเนื้อหาได้ตามต้องการ แต่ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้ดียิ่งขึ้น โดยโดเมนจะมีประโยชน์ต่อ SEO ดังนี้

  • การที่เว็บไซต์ของธุรกิจเลือกใช้โดเมนได้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ Site Structure คือ โครงสร้างของเว็บไซต์เป็นระเบียบ รวมถึงทำให้ URL ดูเป็นมิตรต่อการทำ SEO และช่วยให้ Googlebot สามารถรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์และจัดอันดับได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยให้การแบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาบนเว็บไซต์ เช่น

example.com/ 

  • blog/
    • seo-tips/
    • keyword-research/
  • services/
    •  web-design/
    • seo-optimization/

โดยโครงสร้างนี้ช่วยให้ Google เข้าใจลำดับของหน้าเว็บไซต์ในแต่ละหน้า รู้ว่าหน้าไหนคือหน้าหลัก เช่น หน้า Homepage มีความสำคัญสูงสุด → ตามด้วยหน้า หมวดหมู่หลัก → ตามด้วย บทความ/บริการ และช่วยให้ Internal Link ทำงานได้ดีขึ้น

  • ช่วยในการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX/UI) ได้ดีขึ้น เพราะโดเมนเข้าใจง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถจดจำและกลับมาเยี่ยมชมซ้ำ แน่นอนว่าเป็นการช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ Nevigation Button ภายในเว็บไซต์ใช้งานง่าย ลดอัตราการเกิด Bounce Rate และช่วยเพิ่มเวลาในการใช้งานเว็บไซต์
  • ช่วยในการสร้าง Sitemap ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์มีเนื้อหามากและมีการใช้ Subdomain เช่น blog.example.com, shop.example.com ฯลฯ เราสามาารถสร้าง Sitemap ที่แยกไปตาม Subdomain ทำให้ Google รวบรวมข้อมูลได้เร็วและแม่นยำขึ้น
  • โดเมนที่รองรับ HTTPS โดเมนนั้นๆ ก็จะถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยสูง เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของเว็บไซต์ด้วยการทำ HTTPs ในการจัดอันดับ SEO ด้วย
  • โดเมนที่จดและใช้งานมาเป็นเวลานานมีแนวโน้มที่จะได้รับ Domain Authority – DA ที่สูงกว่าโดเมนที่เพิ่งจดใหม่
  • เว็บไซต์ที่มี โดเมนที่จดจำง่ายและน่าเชื่อถือ มักจะได้รับ Backlink ที่ดีจากเว็บไซต์อื่นๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเว็บไซต์เกี่ยวกับ SEO และใช้โดเมนที่ตรงกับเนื้อหา เช่น seoexpert.com, BestSEOtips.com เว็บไซต์อื่นๆ จะมีแนวโน้มลิงก์มายังเนื้อหาของคุณมากกว่าการที่คุณใช้โดเมนที่ไม่มีความหมาย เช่น xyz123.com, randomblog.net เป็นต้น

ขั้นตอนการจดโดเมนให้เว็บไซต์มีอะไรบ้าง ?

สำหรับใครที่ต้องการจดโดเมนให้กับเว็บไซต์นี่คือขั้นตอนของการจดโดเมนที่เรารวบรวมมาให้ มีรายละเอียดดังนี้

  1. เลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสม โดยควรเลือกใช้ชื่อโดเมนที่สั้น กระชับ และจดจำง่าย รวมถึงใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในชื่อด้วย
  2. ค้นหาชื่อโดเมนและจดโดเมนด้วยเว็บไซต์ที่ให้บริการ เช่น Namecheap, GoDaddy, Google Domains ฯลฯ เพื่อดูว่าชื่อโดเมนที่ต้องการยังว่างหรือไม่ และอย่าลืมเปรียบเทียบราคาค่าจดทะเบียนและการต่ออายุจากแต่ละที่ด้วย
  3. ตรวจสอบประวัติของโดเมนสำหรับการซื้อโดเมนที่เคยใช้งานมาก่อน โดยตรวจสอบได้ที่ Wayback Machine เพื่อดูว่าโดเมนนั้นใช้ทำอะไร และใช้ Google Transparency Report, Ahrefs หรือ SEMrush ตรวจสอบว่าโดเมนนั้นมีประวัติการถูกแบนจาก Google หรือไม่
  4. เลือกประเภทของโดเมน (TLD – Top-Level Domain) ของเว็บไซต์ เช่น เลือกเป็น .com ที่คนใช้กันอย่างแพร่หลาย และเหมาะสำหรับธุรกิจทั่วไป, .org ที่เหมาะกับองค์กรไม่แสวงหากำไร, .co.th  ที่ธุรกิจในประเทศไทยมักเลือกใช้ เป็นต้น
  5. ซื้อแพ็กเกจ Hosting ควบคู่กับการจดโดเมน โดย Hosting คือ พื้นที่สำหรับเก็บไฟล์เว็บไซต์ที่ต้องเชื่อมต่อเข้ากับโดเมน
  6. ตั้งค่าโดเมนและ DNS (Domain Name System) เพื่อเชื่อมโยงโดเมนกับ Hosting หลังจากนั้นให้ลองพิมพ์ชื่อโดเมนใน Browser คือ โปรแกรมที่ใช้เข้าถึงเว็บไซต์ เช่น Chrome, Firefox, Safari เพื่อเช็กว่าโดเมนใช้งานได้หรือไม่
  7. อย่าลืมตั้งค่าให้โดเมนต่ออายุอัตโนมัติหรือคอยตรวจสอบวันหมดอายุ เพื่อไม่ให้เว็บไซต์ถูกปิดหรือโดเมนถูกนำไปขายต่อ

จดชื่อโดเมนเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร มีแบบฟรีไหม ?

ค่าใช้จ่ายในการจดชื่อโดเมนขึ้นอยู่กับนามสกุลของโดเมน หรือ Top-Level Domain – TLD และผู้ให้บริการในการจดโดเมน ถ้าเป็นนามสกุลของโดเมนที่ได้รับความนิยม เช่น .com, .net, .org ก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่านามสกุลที่คนไม่ค่อยนิยมใช้ เช่น .io, .ai เป็นต้น ซึ่งโดยปกติก็มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหลายพันบาทต่อปี

ซื้อโดเมน

ส่วนใครที่ต้องการจดชื่อโดเมนฟรีในบางผู้ให้บริการก็จะมีการอนุญาตให้จดโดเมนฟรีในนามสกุลที่ไม่เป็นที่นิยม เช่น .tk, .ml, .ga, .cf, และ .gq แต่โดเมนเหล่านี้อาจมีข้อจำกัดบางประการ และความน่าเชื่อถือก็อาจจะน้อยกว่าโดเมนเสียค่าใช้จ่ายในการจด หรือถ้าใครซื้อแพ็กเกจ Hosting รายปีก็อาจจะได้โดเมนฟรีแถมมาด้วย ส่วนใครที่ใช้ CMS เช่น WordPress, Wix, Weebly, Squarespace ฯลฯ ก็จะมี Subdomain ให้ใช้งานได้ฟรี เช่น http://yourname.wixsite.com/, http://yourname.wordpress.com/ ฯลฯ แต่ก็จะไม่ได้เหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ

5 เทคนิคการตั้งชื่อโดเมน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ให้เว็บไซต์

Domain Name คือ ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับคนทำเว็บไซต์ เพราะถือเป็นสิ่งแรกที่ Google และผู้ใช้งานเห็นเมื่อค้นหาเว็บไซต์ ดังนั้น การตั้งชื่อโดเมนเนมที่ดีจะช่วยทำให้คนที่ค้นหาเว็บไซต์ของคุณจดจำได้ง่าย และช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO ได้ง่ายขึ้น 

ดังนั้น มาดู 5 เทคนิคสำคัญ ที่ช่วยให้การตั้งชื่อโดเมนดีต่อทั้งการสร้าง Branding และการทำ SEO กันดีกว่า

ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในโดเมน

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า โดเมนเนม คือ สิ่งแรกที่ทั้งผู้ใช้งานและ Google ใช้เพื่อทำความเข้าใจว่าเว็บไซต์นี้ทำธุรกิจหรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ดังนั้น การเลือกคำที่ใช้ในโดเมนก็ควรที่จะเป็น Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้วย เช่น หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้าวิ่ง การมีคำว่า “running” หรือ “shoes” ในชื่อโดเมน เช่น BestRunningShoes.com ก็จะช่วยให้ Google และผู้เข้าชมเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ตั้งแต่เห็นชื่อ Domain

ซึ่งวิธีการเลือกใช้ Keyword ในชื่อโดเมนนั้นก็มีอยู่หลายเทคนิคด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น…

  • เลือกใช้ Keyword ที่สื่อถึงสิ่งที่ธุรกิจทำอยู่ เช่น ถ้าทำธุรกิจขายกาแฟแบบ Organic ในไทยก็อาจจะตั้งชื่อว่า ThaiOrganicCoffee.com ที่บอกว่าธุรกิจนี้ทำเกี่ยวกับอะไร
  • อย่าใส่ Keyword มากจนเกินไป เพราะทำให้เว็บไซต์ดูเป็นเว็บสแปมและดูไม่น่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น BuyCheapRunningShoesOnline2024.com
  • ใส่ Keyword ร่วมกับชื่อเฉพาะของแบรนด์เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มการจดจำ เช่น NikeRunning.com
  • ใช้คีย์เวิร์ดแบบ Local SEO หากเป็นเว็บไซต์ธุรกิจในพื้นที่ เช่น ถ้าคุณมีคาเฟ่ที่เชียงใหม่ อาจใช้ชื่อ ChiangMaiCoffee.com หรือ CMOrganicBrew.com เป็นต้น

ตั้งชื่อให้สั้น กระชับ และจำง่าย

ก่อนอื่นเลยเราต้องคิดก่อนว่า ชื่อโดเมนคืออะไร สิ่งนี้จะบอกตัวตนของธุรกิจได้ในคำไม่กี่คำได้หรือไม่ เพราะ Domain Name ที่ดีควรที่จะสั้น กระชับ และจำง่าย ซึ่งจะช่วยให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ได้สะดวก และยังส่งผลดีต่อ SEO จากการที่ช่วยลดโอกาสที่คนจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ผิดแล้วหาเว็บไซต์ไม่เจอ ดังนั้น เรามาสรุปเทคนิคการตั้งชื่อโดเมนให้สั้น กระชับ และจำง่ายกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

  • ใช้ชื่อที่มีความยาวไม่เกิน 2-3 คำ เพราะช่วยให้จำง่ายและพิมพ์สะดวก เช่น ถ้าคุณทำเว็บไซต์ SEO ก็อาจจะตั้งชื่อเป็น seoexpert.com แทนที่จะตั้งเป็น Bestseoexpertinthailand.com
  • หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรซ้ำหรือตัวเลขมากจนเกินไป เพราะทำให้เกิดความสับสนและพิมพ์ผิดได้ง่าย ยกตัวอย่างการตั้งชื่อโดเมนโดยการใช้ตัวเลขซ้ำและตัวอักษรซ้ำ เช่น Best-SEO-123.com, seoseohub.com เป็นต้น
  • พยายามให้ชื่อมีความหมายและอ่านออกเสียงได้ง่าย เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เช่น ใช้ชื่อโดเมนเป็น FastHosting.com ดีกว่าใช้ชื่อเป็น FstHstng.com ที่อ่านไม่ออกและไม่มีความหมาย
  • เลือกชื่อที่ไม่ต้องสะกดให้ซับซ้อน คือ หลีกเลี่ยงคำที่มีหลายตัวสะกด เช่น ถ้าตั้งชื่อเป็น XtraordinaryDesign.com อาจพิมพ์ผิดเป็น ExtraordinaryDesign.com 

เลือกโดเมนที่ใช้ Top-Level Domain (TLD) ที่เหมาะสม

Top-Level Domain (TLD) คือ นามสกุลของโดเมน เช่น .com, .net, .org ฯลฯ มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งมีวิธีการเลือกใช้งาน ดังนี้

  • เลือกใช้นามสกุลโดเมนที่น่าเชื่อถือสำหรับ SEO เพราะ TLD บางประเภท จะได้รับความนิยมและมีค่าน้ำหนักใน Google มากกว่า ดังนี้
    • .com – เป็น TLD ที่ได้รับความนิยมสูงสุด จดจำง่าย และเหมาะสำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท
    • .net –จะเหมาะสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มออนไลน์
    • .org – ใช้สำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือเว็บไซต์เกี่ยวกับสังคมและการกุศล
    • .co – เป็นอีกทางเลือกสำหรับธุรกิจที่ต้องการชื่อสั้นและดูทันสมัย มักถูกใช้เมื่อนามสกุลที่เป็น .com ไม่ว่าง
  • เลือกใช้นามสกุลโดเมนของแต่ละประเทศ เช่น .co.th, .jp, .uk ฯลฯ ซึ่งจะเหมาะสำหรับเว็บไซต์ของธุรกิจที่ตีตลาดเฉพาะในประเทศนั้นๆ และ Google จะให้ความสำคัญในการจัดอันดับสำหรับการค้นหาในประเทศนั้นๆ อีกด้วย

สำหรับ TLD หรือนามสกุลโดเมนที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจส่งผลเสียต่อ SEO และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • .info, .biz – มักถูกใช้ในเว็บไซต์สแปมหรือเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ
  • โดเมนฟรี เช่น .tk, .ml, .ga, .cf, .gq – ส่วนใหญ่ถูกใช้ในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ, เว็บ Phishing, เว็บที่เต็มไปด้วยโฆษณา
  • .xyz, .top – เป็นนามสกุลที่มักใช้ในเว็บไซต์ทดลอง, เว็บไซต์สแปม, เว็บที่มีอายุการใช้งานสั้น หากใช้กับธุรกิจจริง อาจถูกมองว่าเป็นเว็บไม่น่าเชื่อถือได้

หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหมายขีด (-) และตัวเลขที่ไม่จำเป็น

การใช้เครื่องหมายขีด (-) และตัวเลขในชื่อโดเมนเป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรระวัง สาเหตุเป็นเพราะ…

  • อ่านยากและพิมพ์ผิดได้ง่าย 

ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ที่ชื่อว่า Best-Running-Shoes.com มีการใช้ขีด (-) เยอะเกินไป ทำให้ชื่อโดเมนดูยาวและซับซ้อน รวมถึงมีโอกาสที่จะทำให้คนพิมพ์ผิดได้ง่าย เนื่องจากจำยาก และออกเสียงได้ยากเวลาบอกกันแบบปากต่อปาก 

  • โดเมนที่มีตัวเลขดูไม่น่าเชื่อถือ

เพราะอาจดูเหมือนเป็นเว็บไซต์ชั่วคราว เช่น http://seoexpert2024.com/ ซึ่งอาจจะสื่อว่าเป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างในปี 2024 แต่ถ้าขึ้นปีใหม่เป็น 2025 ก็ทำให้เว็บดูเก่า ดูไม่เกี่ยวข้อง แถมยังดูเหมือนเว็บไซต์สแปม ไม่มีคุณภาพ เช่น หาก BestShoes.com ถูกจองไปแล้ว เจ้าของอาจใช้ BestShoes99.com หรือ BestShoes2024.com ซึ่งอาจทำให้ดูเป็นเว็บไซต์สแปม และถึงแม้โดยทั่วไปเราควรหลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขในโดเมน แต่หากต้องใช้ก็ควรเลือกใช้อย่างมีความหมาย เช่น 24HourFitness.com (บอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ) เป็นต้น

  • Google อาจให้ค่าโดเมนนี้น้อยลง

โดเมนที่มีขีดกลาง (-) และตัวเลขมากเกินไป มักมีปัญหาหลายอย่าง เช่น มีแนวโน้มเป็นเว็บไซต์สแปมจากการใช้ชื่อโดเมนที่มีขีดกลางและตัวเลขเยอะ ๆ เพื่อพยายามเลียนแบบชื่อโดเมนที่มีคุณภาพ ซึ่ง Google อาจมองว่าเป็นเว็บสแปมแทน และถูกลดคะแนนลงไป แน่นอนว่า ส่งผลต่ออันดับ SEO ได้ด้วย

เลือกชื่อโดเมนที่เป็นแบรนด์ได้

Domain Name หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนที่อยู่ของธุรกิจบนโลกออนไลน์ หากเราเลือดจดโดเมนที่ใช้เป็นชื่อแบรนด์ได้ ก็จะช่วยสร้าง Brand Awareness, สร้างการจดจำ สร้างความน่าเชื่อถือที่ทำให้ได้ Backlink จากเว็บอื่นๆ ได้ง่าย ส่งผลให้ SEO ดีขึ้นด้วย ซึ่งวิธีการเลือกชื่อโดเมนเพื่อทำ Brandind จากชื่อนั้นมีอยู่หลายเทคนิคด้วยกัน เช่น

  • ใช้คำที่เป็นเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นแบบไม่ซ้ำใคร ตัวอย่างเช่น Nike.com, Airbnb.com, Zappos.com ฯลฯ เพราะถ้าเลือกใช้ชื่อโดเมนคล้ายกับเว็บไซต์อื่น คนที่ต้องการเข้าเว็บไซต์อาจสับสนและเข้าเว็บผิด ซึ่งทำให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
  • เลือกใช้ชื่อโดเมนที่ไม่ซ้ำกับแบรนด์อื่น เพราะช่วยในการทำ SEO และเพิ่มอันดับบน SERPs เนื่องจาก Google จะเข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ Spam และให้ค่าโดเมนที่สูงขึ้น
  • ใช้ชื่อโดเมนที่ออกเสียงและสะกดง่าย หลีกเลี่ยงชื่อที่มีตัวสะกดยากหรือใช้ตัวย่อที่ทำให้ผู้ใช้สับสน ซึ่งจะช่วยให้เกิด Retention กลับมายังเว็บไซต์ได้ง่าย ลดโอกาสพิมพ์ผิด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาผ่าน Google เพราะถ้าใช้ชื่อที่สะกดยาก ไม่มีเอกลักษณ์ Google อาจแนะนำผลการค้นหาที่ไม่ตรงกันขึ้นมาแสดงผลแทนเว็บไซต์ของคุณ

สรุป โดเมน คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

เรารู้กันแล้วว่า โดเมนเนม คืออะไร และรู้กันแล้วว่า โดเมน หมายถึง ที่อยู่ของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างแบรนด์และมีผลต่อการทำ SEO ดังนั้น ในยุคของ WEB 3.0 นี้โดเมนนับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ช่วยสร้างตัวตนและความเป็นเจ้าของแบรนด์ในโลกออนไลน์ จึงควรให้ความสำคัญในการตั้งชื่อโดเมนในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างการจดจำ และเพิ่มโอกาสในการทำอันดับบน Google ได้มากยิ่งขึ้น

แต่ถ้ายังไม่มั่นใจในเรื่องของการทำเว็บไซต์ และมีเป้าหมายทางการตลาดในการทำเว็บไซต์เพื่อเพิ่มยอด Traffic ไปจนถึงยอดขายที่ต้องติดสปีด แนะนำให้ใช้บริการรับทำ SEO และรับทำเว็บไซต์ของ NerdOptimize ที่จะช่วยสร้างเว็บไซต์ที่แข็งแกร่งทั้งในด้านการออกแบบ การสร้าง และการดูแล SEO แบบครบวงจร 

ติดต่อเราเพื่อปรึกษาฟรีได้เลย!

รับทำ SEO ติดหน้าแรก

ค้นหา บทความอื่นๆ

Search

ผู้เขียน

Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn
Picture of ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร
ไอซ์ - ศิริพงษ์ กลิ่นขจร

ผู้บริหารและนักการตลาดสาย SEO ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Marketing Strategy สนใจเกี่ยวกับ Search Engine & AI Algorithms เป็นพิเศษ และเชื่อเสมอว่าทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วย Data

LinkedIn

แชร์บทความนี้:

บทความที่คุณ อาจสนใจ

[แนะนำ] Lookalike Audience คือ ? จะใช้ประโยชน์สูงสุดของมันได้อย่างไร

Lookalike Audience คืออะไร? เทคนิคการใช้ Lookalike Audience ให้ได้ผลสูงสุดต้องทำอย่างไร ? เลือกใช้ Lookalike กี่% ถึงจะดีที่สุด บทความนี้มีคำตอบ!

อ่านบทความ ➝
Google Search Console คืออะไร

Google Search Console คืออะไร? สอนวิธีใช้งานและติดตั้งง่าย ๆ มือใหม่ทำตามได้

Google Search Console คือ เครื่องมือที่ช่วยในการดูแลเว็บไซต์สำหรับคนทำ SEO ทำให้การทำ Technical เป็นเรื่องง่าย ดูได้ทั้งปัญหาด้านเว็บและเช็กอันดับได้อย่างรวดเร็ว

อ่านบทความ ➝
GEO คืออะไร

GEO คืออะไร อีกหนึ่งช่องทางการตลาดผ่าน AI ที่สาย SEO ไม่ควรพลาด

GEO คืออะไร มาทำความรู้จักกับ Generative Engine Optimization ผ่าน AI ที่จะช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงและเสริมการทำ SEO ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

อ่านบทความ ➝
Scroll to Top