‘พี่ครับ ๆ ทำ SEO นี่ผมใช้เครื่องมือตัวไหนดี?’ ประโยคคุ้นหูคุ้นตาของบรรดามือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำ SEO ได้ไม่นาน และอยากจะรู้ว่าบริษัทรับทำ SEO เขาใช้เครื่องมืออะไรกัน … ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คิดจะสงสัย เพราะการทำ SEO นั้นจำเป็นต้องเช็ก Performance คอยดูผลลัพธ์ และหาจุดปรับแก้อยู่ตลอดเวลา ทำให้การมีเครื่องมือทุ่นแรงมาใช้ช่วยให้งานเสร็จไวขึ้น แถมยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
ในบทความนี้ NerdOptimize เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ SEO Checker หรือ SEO Tools ที่เหล่าคนทำ SEO มืออาชีพใช้จริง รีวิวจริง และที่เนิร์ดเราก็ใช้กันจริง ๆ จะมีตัวไหนน่าสนใจบ้าง แต่ละเครื่องมือทำงานยังไง เด่นเรื่องอะไร ราคาเท่าไหร่ มาดูกัน!
SEO Checker คืออะไร ?
SEO Checker คือซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพ (Performance) ด้าน Search Engine Optimization (SEO) ของเว็บไซต์ ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์หรือนักการตลาด สามารถตรวจสอบและปรับปรุงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับใน Search Engine ได้
โดยหลัก ๆ แล้ว เหล่าคนทำ SEO จะใช้เครื่อง SEO Checker ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ประเมินคุณภาพเว็บไซต์ หาจุดที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ รวมไปถึงยังสามารถใช้เพื่อวิเคราะห์คู่แข่ง วิเคราะห์ยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ และอื่น ๆ อีกมากมายได้อีกด้วย
เครื่องมือ SEO Checker ใช้ทำอะไรได้บ้าง แนะนำฟีเจอร์หลักในการใช้งาน
เพื่อให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของเหล่าเครื่องมือ SEO Checker เรามาดูกันให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นถึงสิ่งที่ SEO Tools พวกนี้ช่วยคุณได้มีอะไรบ้าง?
- Keyword Research : คือฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การวิเคราะห์กลุ่มคำที่คนนิยมเสิร์ชและเกี่ยวข้องกับธุรกิจทำได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงบางเครื่องมือยังสามารถใช้วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เข้ามายังเว็บไซต์คู่แข่งได้อีกด้วย
- SEO Audit : คือฟีเจอร์สำหรับเช็กภาพรวมของ SEO ทั้งเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วน On-Page, Off-Page หรือ Technical SEO เชิงลึก
- Link Analysis : ฟีเจอร์เด็ดที่มีเฉพาะในบางเครื่องมือเท่านั้น โดยเจ้าฟีเจอร์นี้เองที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยาก สามารถตรวจสอบได้ทั้ง Link ภายในและภายนอกเลยทีเดียว
- Rank Tracking : คือฟีเจอร์ที่จะช่วยการติดตามอันดับของคีย์เวิร์ดที่คุณกำลังทำ SEO อยู่นั้นทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปนั่ง Manual เสิร์ชจาก Google Incognito เองให้เมื่อย
แนะนำ 6 เครื่องมือ SEO Checker ช่วยให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มาทำความรู้จักกับ 6 เครื่องมือ SEO Checker ที่เหล่าคนทำ SEO ใช้กันทั่วโลก ที่สำคัญบางตัวใช้งานได้ฟรีแถมฟีเจอร์การใช้งานก็ครอบคลุมพอที่จะจบงานง่าย ๆ ได้เลยทีเดียว เครื่องมือตัวจะน่าสนใจบ้าง มาดูไปพร้อม ๆ กัน
Ahrefs
เปิดมาด้วยเครื่องมือ SEO ที่คนใช้กันทั่วโลกอย่าง Ahrefs หนึ่งใน SEO Checker ที่ครบเครื่อง จัดเต็มทุกฟีเจอร์ที่จะทำให้งาน SEO ของคุณง่ายขึ้น
Ahrefs คือเครื่องมือ SEO ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดตัวหนึ่งในบรรดา SEO Checker ที่มีอยู่ในตอนนี้ เพราะมันคือเครื่องมือ All-in-one ที่จะช่วยให้คุณหา Insight ได้ทั้งจากเว็บไซต์ตัวเองและเว็บไซต์คู่แข่ง มีหน้า Dashboard ที่บอกข้อมูลเชิงลึก เช่น DA, PA, Referring Domains และจำนวน Traffic ครบถ้วน
จุดเด่น
ความดีงามของ Ahrefs ที่ทำให้เครื่องมือตัวนี้เป็น SEO Checker ที่คนใช้กันทั่วโลกคือฟีเจอร์ Competitor Research คุณสามารถวิเคราะห์คู้แข่งได้แบบครบวงจร (ที่สำคัญข้อมูลที่ได้ค่อนข้างแม่นยำ) คุณสามารถทำได้ตั้งแต่ SEO Audit วิเคราะห์ภาพรวมเว็บไซต์, Keyword Research, Competitor Analysis, ทำ Link Building Tracking และ Content Marketing ได้ครบจบในตัวเดียว
ราคา
- แพ็กเกจ Lite เริ่มต้นที่ $99 หรือประมาณ 3,500 บาท/เดือน
- แพ็กเกจ Standard เริ่มต้นที่ $199 หรือประมาณ 6,877 บาท/เดือน
- แพ็กเกจ Advanced เริ่มต้นที่ $399 หรือประมาณ 13,789 บาท/เดือน
- แพ็กเกจ Enterprise เริ่มต้นที่ $999 หรือประมาณ 35,000 บาท/เดือน
SEMRush
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ตีคู่กันมากับ Ahrefs ก็คือ SEMRush ภายในเครื่องมืออัดแน่นไปด้วย Website SEO Checker กว่า 40 ฟีเจอร์ มีฐานผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลกและยังเป็นเครื่องมือใช้ดีบอกต่อที่ฝั่ง SEO Specialist มืออาชีพใช้กันจริง ๆ อีกด้วย
จุดเด่น
ถึงจะเด่นเรื่อง Rank Tracking ที่ติดตามอันดับเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ SEMRush ก็เคยออกมาแก้ข่าวว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่าแค่ติดตามอันดับเว็บไซต์แน่นอน และก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ เพราะฟีเจอร์ภายในมีตั้งแต่ SEO Audit, Competitive Analysis, On-Page SEO Checker, Backlink Audit, Orginic Traffic Insight และอื่น ๆ อีกมากมาย
ราคา
- Pro เริ่มต้นที่ $119.95 หรือประมาณ 4,400 บาท/เดือน
- Guru เริ่มต้นที่ $229.95 หรือประมาณ 8500 บาท/เดือน
- Business เริ่มต้นที่ $449.95 หรือประมาณ 16,000 บาท/เดือน
Screaming Frog
ขยับมาดู SEO Checker ด้าน SEO Technical กันบ้างกับ Screaming Frog เครื่องมือที่จะช่วยให้การทำ Technical SEO Audit กลายเป็นเรื่องง่าย เช็ก Site Structure ได้แบบละเอียด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือคู่ใจของ SEO Specialist กันเลยทีเดียว
จุดเด่น
สิ่งที่ Scream Frog มอบให้กับคนทำ SEO นั้นยากที่จะเครื่องมือมาทดแทนได้ และนั่นก็คือการ Find Broken Links ที่คนทำ SEO จะรู้กันดีว่าการหาเครื่องมือดี ๆ มาเช็กนั้นยากมาก แต่ Screaming Frog กลับจัดการเรื่องนี้ได้มีประสิทธิภาพแบบสุด ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อ Audit Redirect, Analysis Meta Tags และเช็ก Duplicated Content ได้อีกด้วย
ราคา
- Free Version ไม่เสียเงิน
- Paid Version เริ่มต้นที่ $199 หรือประมาณ 7,300 บาท/ปี
SE Ranking
มาต่อกันที่ SE Ranking หนึ่งใน SEO Checker ยอดนิยมของคนทำ SEO ที่เด่นเรื่อง UI เข้าใจง่าย ไม่ต้องเป็น SEO Specialist ก็สามารถเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ได้แน่นอน
จุดเด่น
SE Ranking มีความโดดเด่นจากราคาที่สบายกระเป๋ามาก ๆ เทียบกับฟีเจอร์ที่ All-in-one ไม่แพ้เครื่องมือตัวแพง ๆ แล้วตัวนี้จัดว่าทำได้ดีเกินราคา สามารถใช้วิเคราะห์ On-Page และ Keyword Tracking ได้แบบแม่นยำ คุณสามารถลิสต์คีย์เวิร์ดที่ต้องการเพื่อใช้เครื่องมือติดตามอันดับได้แบบเกือบจะเรียลไทม์ ทำให้แม้ว่าจะไม่มีฟีเจอร์ที่ Competitor Analysis แต่เรื่อง SEO Audit กับ Keyword Tracking ก็ทำได้ดีจนใครหลาย ๆ คนเลือกใช้
ราคา
- Essential เริ่มต้นที่ $52.00 หรือประมาณ 1,900 บาท/เดือน
- Pro เริ่มต้นที่ $95.20 หรือประมาณ 3,500 บาท/เดือน
- Business เริ่มต้นที่ $207.20 หรือประมาณ 7,600 บาท/เดือน
Ubersuggest
Ubersuggest อีกหนึ่ง SEO Checker ที่เป็นมิตรกับคนทำ SEO ให้บริการโดย Neil Patel ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ภายในก็จัดมาให้กันแบบครบ ๆ ไม่แพ้เครื่องมือตัวอื่น ๆ
จุดเด่น
ความโดดเด่นของ Ubersuggest นั้น หลัก ๆ แล้วคงหนีไม่พ้นความง่ายในการใช้งาน ฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับงาน SEO ก็จัดมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น Keyword Research, SEO Audit, Rank Tracking, ดู Backlink ได้แบบหน้าต่อหน้า ไปจนถึงใช้เพื่อดูจุดที่ต้องปรับปรุงใน Core Web Vital ยิ่งไปกว่านั้นใครที่กำลังมองหาเครื่องที่จะช่วยให้การผลิตคอนเทนต์ SEO ทำได้ง่ายขึ้น เครื่องมือตัวนี้ตอบโจทย์สุด ๆ เพราะฟีเจอร์ Keyword Research มีทั้ง Keyword Idea ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจอื่น ๆ รวมไปถึง Content Idea ที่จะดึงข้อมูลจากหลากหลายเว็บไซต์มาให้ดูว่าคีย์เวิร์ดนี้ สามารถนำไปต่อยอดเป็นคอนเทนต์อะไรได้บ้าง
สำหรับใครที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนบทความ SEO อ่านได้ที่นี่ : วิธีการเขียนบทความ SEO ฉบับเข้าใจง่าย เขียนยังไงให้ติด Google
ราคา
- Individual ราคาประมาณ $12 /เดือน จะใช้ได้ 1 เว็บไซต์
- Business ราคาประมาณ $20 /เดือน จะใช้ได้ 2-7 เว็บไซต์
- Enterprise ราคาประมาณ $40 /เดือน จะใช้ได้ 8-15 เว็บไซต์
Google Analytics 4
Google Analytics 4 หรือ GA4 หนึ่งในเครื่องมืออรรถประโยชน์ฟรีจาก Google เห็นของฟรีแบบนี้ แต่ประสิทธิภาพการใช้งานก็หลากหลายไม่แพ้ SEO Checker ตัวอื่น ๆ ที่ต้องเสียเงินเลยทีเดียว
จุดเด่น
หลังจากที่ GA3 หรือ Universal Analytics ได้อัปเกรดมาเป็น Google Analytics 4 ในปัจจุบัน นี่คือ Google SEO Checker ฟีเจอร์การใช้งานจากที่ดีอยู่แล้วก็ดีขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูล (Data Tracking) ที่ละเอียดยิบ การทำรีพอร์ตจาก Data ต่าง ๆ ที่สำคัญสามารถใช้เพื่อดู Technical SEO Issues ได้แบบละเอียดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Core Web Vital, Server Error รหัสต่าง ๆ เช็ก Mobile Friendly และ Keyword Queries ที่เข้ามายังเว็บไซต์ ทำให้ GA4 เป็นเครื่องมือเป็น SEO Checker ที่เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมือเก่าเลยทีเดียว
สำหรับใครที่อยากรู้วิธีการใช้งาน GA4 เบื้องต้น อ่านได้ที่นี่ : Google Analytics เก็บข้อมูลให้เราอย่างไร? และแสดงผลออกมาแบบไหน?
ราคา
- สามารถใช้งานได้ฟรี
เทคนิคใช้เครื่องมือ SEO Checker แบบมือโปร ยกระดับการทำ SEO ให้เว็บไซต์
แน่นอนว่าเครื่องมือ SEO Checker ที่เราได้หยิบมาแนะนำกันข้างต้นนั้นหลาย ๆ เครื่องมือก็มีฟีเจอร์ที่คล้ายคลึงกัน และ SEO Specialist หรือบริษัทรับทำ SEO หลาย ๆ แห่งก็ใช้หลายเครื่องมือพร้อมกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะมีเครื่องมือที่ดีแค่ไหนมาอยู่ในมือ หากใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่มี Strategy ที่ดี การทำ SEO ของคุณก็อาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่าที่ควร
เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อยกระดับการทำ SEO ของคุณให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ควรเริ่มจากศึกษา SEO Checker แต่ละตัวถึงคุณสมบัติ ขอบเขตการใช้งาน จุดเด่นและจุดด้อย และสำหรับใครที่เป็นมือใหม่มาก ๆ ควรเริ่มต้นจากการใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ให้คล่อง
- Site Audit ตรวจปัญหาที่เกิดขึ้นภายในเว็บไซต์
- Keyword Explorer เพื่อทำ Keyword Planning สำหรับวางแผนการทำคอนเทนต์ SEO
- Competitor Analysis เพื่อศึกษาคู่แข่ง และหาโอกาสในการพัฒนาเว็บไซต์
- Website Health Score ดูภาพรวมของสุขภาพเว็บไซต์เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง
- Rank Tracker เช็กอันดับที่ทำได้ เพื่อให้ทราบผลลัพธ์การทำงาน
สรุปเกี่ยวกับเครื่องมือ SEO Checker
อยากทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ เครื่องมือ SEO Checker เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย เพราะการทำ SEO ยิ่งมี Data อยู่ในมือเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อที่จะได้ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ถูกจุดและมีประสิทธิภาพ รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมเลือก SEO Checker ที่เหมาะกับตัวเอง และศึกษา Google Algorithm ให้อัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ โอกาสในดันอันเว็บไซต์ของคุณให้ขึ้นอับดับ 1 ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน