อยากให้ SEO ได้ผล ต้องเริ่มต้นด้วยการทำ Sitemap เพราะนี่คือแผนผังของเว็บไซต์ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้การทำ SEO สำเร็จง่ายขึ้นจากการจัดระเบียบแผนผังที่ชัดเจนและครอบคลุม ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสเพิ่มในการทำอันดับพุ่งขึ้นในผลการค้นหาในตำแหน่งแรกๆ
บทความนี้จึงจะพาไปรู้จักว่า Sitemap คืออะไร มีกี่ประเภท และเว็บไซต์แต่ละแบบควรวางแผนผังเว็บไซต์แบบไหนถึงจะเหมาะสมมากพอให้ Search Engine Bot สำรวจเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดูคำตอบที่ Nerd สรุปมาให้ได้เลย!
Sitemap คืออะไร ?
Sitemap คือ แผนผังของเว็บไซต์ที่รวบรวมรายการของทุกหน้าเว็บ ซึ่งช่วยให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine Bot) อย่างเช่น Google, Bing, Yahoo เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น เข้าถึงหน้าต่าง ๆ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
หากนึกภาพไม่ออก ลองจินตนาการว่า การทำ sitemap คือการออกแบบสารบัญให้กับเล่มหนังสือ ยิ่งมีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีความเชื่อมโยง แบ่งเนื้อหาหลัก เนื้อหาย่อย บอกว่ามีเรื่องอะไรบ้าง และแต่ละเรื่องอยู่ในหนังสือหน้าไหน ก็จะทำให้คนอ่าน (หรือบอทของเครื่องมือค้นหานั่นเอง) เข้าใจเว็บได้ง่าย
ซึ่งถ้ามีการจัดทำ Sitemap ที่ดี มีการเรียงลำดับความสำคัญของหน้าเพจ และอัปเดตความทันสมัยให้กับข้อมูลอยู่เสมอจะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้หน้าเว็บของคุณทำอันดับบน Search Engine ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ Organic Traffic จากการทำ SEO เติบโตสูงขึ้นด้วย
Sitemap มีความสำคัญอย่างไร ทำไมต้องทำ ?
การทำ site map มีข้อดีคือ
- ช่วยให้เครื่องมือค้นหา (search engine bot) เข้าใจเว็บไซต์ได้ง่ายและเร็ว ทำให้หน้าเว็บถูกจัดทำดัชนี (index) และแสดงผลบนหน้าการค้นหา
- เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ SEO ที่ดี โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดใหญ่อย่าง e-commerce จะช่วยให้การ crawl เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นหากทำ sitemap ได้ดีและเป็นระบบ
- ช่วยบอกเครื่องมือค้นหาว่าเว็บไซต์มีการอัปเดต ทำให้หน้าเว็บ index ได้รวดเร็ว
- ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาหน้าและข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์ได้ง่าย
- ช่วยเสริมให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ จากการวางแผนผังเว็บไซต์ที่เป็นระเบียบ
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ทางอ้อมของการทำ sitemap คือการช่วยประหยัดงบในการซื้อโฆษณาบน Google Ads ได้ จากการที่เราไม่จำเป็นต้องยิง Ads เว็บไซต์ผ่านโฆษณาบ่อยๆ เพราะติดอันดับ SEO ดี จากการทำ sitemap ที่เป็นหนึ่งในการทำ Technical SEO ที่สำคัญอยู่แล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ หากเราทำ SEO Audit เพื่อปรับให้เว็บไซต์ติดอันดับที่สูงขึ้น การปรับแก้ Sitemap นับเป็นวิธีการสำคัญ และเป็นก้าวแรกของการเริ่มสร้างเว็บไซต์ของธุรกิจ หรือเริ่มต้นการทำ SEO ดังนั้น ควรเริ่มจากการออกแบบ Sitemap ก่อนเสมอ และท่องเอาไว้เลยว่า “ถ้า Sitemap เว็บไซต์เราดี ครบถ้วน โอกาสที่เว็บเราจะติดอันดับต้น ๆ ของหน้าค้นหา (SEO) ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
Sitemap มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
Sitemap มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน แต่ในบทความนี้จะขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้
1. HTML Sitemap
HTML Sitemap คือ Sitemap ที่แสดงผลในรูปแบบหน้าเพจของเว็บไซต์ โดยมีลิงก์ไปยังหน้าต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานนำทางและค้นหาข้อมูลได้สะดวก จึงมีประโยชน์ในด้านการเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซับซ้อน เช่น เว็บสารบัญข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่มีหมวดหมู่เยอะๆ เป็นต้น
ซึ่งในส่วนของ HTML Sitemap ก็จะมีชื่อเรียกของหน้าเพจต่างๆ ให้ผู้ใช้งานได้ลองกดเข้าไปเยี่ยมชม ส่วนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับ SEO น้อย เหมือนเป็นการทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์เราได้นานขึ้นและช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์ที่ดีในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากกว่า หรือเรียกว่าเป็นสารบัญนำทางสำหรับเว็บไซต์ก็ได้
2. XML Sitemap
XML Sitemap คือ ไซต์แมพที่ทำให้ Google Bot เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ทั้งหมดจากการที่เข้ามารวบรวมข้อมูล (Crawling) และจัดลำดับความสำคัญของหน้าเว็บ (Indexing) ได้อย่างครบถ้วน ช่วยทำให้ Bot เห็นว่าเว็บไซต์มีการเพิ่มหน้าใหม่เข้ามาหรือเปล่า มีการอัปเดตเนื้อหาถี่แค่ไหน เช่น รายสัปดาห์ หรือมีแสดงลำดับความสำคัญของแต่ละหน้าเป็นแบบไหน โดยจะเหมาะกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ เช่น เว็บไซต์ E-Commerce หรือเว็บข่าวที่มีเนื้อหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ซึ่ง XML Sitemap จะมีระบบการทำงานที่เป็น Coding ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องอาศัยความละเอียดในการทำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเหมือนการสื่อสารให้ Bot เข้าใจ เป็น Sitemap ที่มีความซับซ้อนกว่าแบบ HTML ดังนั้น sitemap xml สำหรับใครที่ต้องการผลลัพธ์ในด้านการทำ SEO XML Sitemap ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ขาดไม่ได้
3. News Sitemap
News Sitemap คือ Sitemap รูปแบบหนึ่งที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ข่าว ที่จะช่วยให้ Google Bot สามารถรวบรวมคอนเทนต์ข่าวต่าง ๆ ที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลในหน้า Google News ได้ถ้าเกิดมีการค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้อง
์New sitemap เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่คอนเทนต์ในลักษณะข่าวสารที่มีการอัปเดตบ่อย ๆ อีกทั้งทาง Google ก็จะส่ง Bot มาสำรวจเว็บไซต์ของเราเพื่อหาข้อมูลข่าวต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความถี่ด้วยเช่นกัน
ข้อกำหนดของการทำ News Sitemap คือ ใช้กับบทความที่เผยแพร่ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถ้าบทความที่เก่ากว่านี้อาจไม่ได้รับความสนใจจาก Google News และจะสามารถระบุข้อมูลจากข่าวสูงสุดได้ 1,000 รายการ ต่อหนึ่ง News Sitemap
4. Image Sitemap
Image Sitemap คือ Sitemap ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระบุ URL ของรูปภาพที่เราใช้ประกอบคอนเทนต์ต่างๆ ในเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้รูปภาพปรากฏอยู่บน Google Image Search ได้จากการที่ Search Engine อย่าง Google รวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจเนื้อหารูปภาพที่อยู่ในเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น
การทำ image sitemap ทำให้มีโอกาสที่คนจะคลิกผ่านรูปภาพเข้ามายังเว็บไซต์ได้มากขึ้น ซึ่งจะเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีรูปภาพประกอบจำนวนมาก และต้องการทำ Image Search ให้ติดอันดับบน Google
5. Video Sitemap
Video Sitemap คือ Sitemap สำหรับ “วิดีโอ” ที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ Image Sitemap แต่จะเปลี่ยนจากรูปภาพมาเป็น Sitemap ของวิดีโอ ซึ่งจะช่วยให้การค้นหา Google Video Search ในคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง พบเข้ากับเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาวิดีโอที่ฝังอยู่ในหน้าเว็บหรือโฮสต์บนแพลตฟอร์มอื่น เช่น YouTube ก็จะหาเจอได้จากการที่วิดีโอไปปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง และช่วยเพิ่มการมองเห็นวิดีโอใน Google Video Search หรือ Rich Results ได้มากขึ้นด้วย
ประเภท sitemap ตัวอย่างเหล่านี้ที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของ SEO จะต้อง Optimize คีย์เวิร์ดเพื่อให้เว็บไซต์ทำอันดับที่ดีอยู่ตลอดเวลา องค์กรหรือแบรนด์ส่วนใหญ่จึงมักเลือกใช้บริการบริษัทที่รับทำ SEO หรือ SEO Agency ในการดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ
เริ่มสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์ ต้องทำอย่างไร ?
สำหรับใครที่ทำเว็บไซต์เองหรือใช้ CMS อย่าง WordPress ในการสร้างเว็บไซต์ เรามีวิธีการเริ่มต้นสร้าง Sitemap มาฝากกันดังนี้
- สร้างผ่าน Sitemap สำเร็จรูป
วิธีการสร้าง Sitemap สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้าน Developer หรือความรู้ในด้านการเขียนโค้ด คุณสามารถใช้เครื่องมือสร้าง Sitemap สำเร็จรูปอย่าง www.xml-sitemaps.com ที่เป็นเครื่องมือที่เราคิดว่าใช้งานง่ายและรวดเร็วที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ เพราะเพียงแค่คุณกรอก URL ของเว็บไซต์ลงไปในช่อง > กด Start > รอสักครู่ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ xml มาใช้งานเพื่อสร้าง Sitemap ได้เลย
- สร้างผ่าน Plug-in บน WordPress
ปัจจุบันในการสร้าง Sitemap บน WordPress จะใช้ Plug-in ต่างๆ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่จะ generate sitemap ขึ้นมาแบบรวดเร็ว แค่ติดตั้ง Pulg-in ก็ทำการสร้าง XML Sitemap ผ่านระบบหลังบ้านได้เลย แน่นอนว่า ช่วยให้ Search Engine ค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายและเร็วขึ้น โดย PlugIn สำหรับการทำ Sitemap ก็มีด้วยกันหลายเจ้าเลย เช่น Yoast SEO, XML Sitemap Generator, Google XML Sitemaps และ PlugIn ตัวอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ถ้าให้แนะนำสักตัวขอชี้เป้าไปที่ Yoast SEO ครับ เพราะด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ครบเครื่อง นอกจากจะสามารถสร้าง XML SItemap ให้กับเว็บไซต์คุณได้อย่างดีแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในเรื่องของการทำ SEO ทั้งแบบ On-Page SEO และ Technical SEO ในลักษณะของเช็คลิสต์พร้อมวิธีการแก้ไขให้คุณรู้จุดบกพร่องของการทำ SEO แต่ละจุดบนเว็บไซต์ตัวเองได้อย่างละเอียด
สำหรับวิธีการติดตั้ง Plug-in ก็ทำได้ง่ายๆ แค่ไปที่ Dashboard ของ WordPress >> คลิกที่ Plugins >> คลิก Add New >> ค้นหาชื่อปลั๊กอิน เช่น “Yoast SEO” >> กด Install Now และ Activate หลังจากนั้นก็สร้าง Sitemap ตามวิธีของแต่ละปลั๊กอิน เช่น Yoast SEO
1. ให้ไปที่ SEO > General ในแถบด้านซ้ายของ Dashboard
2. คลิกที่แท็บ Features
3. เปิดฟีเจอร์ XML Sitemaps ให้เป็น “On”
4. คลิกที่ปุ่ม “?” และเลือก See the XML Sitemap เพื่อดู URL ของ Sitemap (เช่น https://yourwebsite.com/sitemap_index.xml)
ถ้าใครที่อยากศึกษาเกี่ยวกับ PlugIn : Yoast SEO ทั้งฟีเจอร์ทั้งหมดรวมถึงวิธีการติดตั้ง สามารถเข้าไปอ่านบทความที่เราเคยอธิบายไว้อย่างละเอียดได้เลยที่ >> บทความนี้
หากไม่ได้มีการวาง Sitemap ให้เว็บไซต์ จะเกิดอะไรขึ้น ?
แน่นอนว่ายิ่ง sitemap website มีความสำคัญมากเท่าไร การไม่วางแผน sitemaps จะส่งผลกระทบกับการทำเว็บไซต์และทำอันดับของ SEO มากเท่านั้น เพราะเว็บไซต์ที่ไม่โครงสร้างที่ดีจะทำให้ Search Engine Bot ทำงานยาก โอกาสในการติดอันดับก็จะลดลง และเมื่อลูกค้าค้นไม่เจอเว็บไซต์ของเรามีผลเสียมากต่อ Traffic website และการแข่งขันในระยะยาว เช่น การเสียงบประมาณไปกับการโปรโมตช่องทางอื่น เช่น การยิง Ads ต่างๆ
นอกจากนี้ หากหน้าเว็บไซต์ที่สำคัญไม่สามารถค้นพบได้ผ่าน Search Engine ได้อาจทำให้เกิด User Experience ที่ไม่ดีและส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจได้ เช่น ลูกค้าอาจหาหน้าเว็บไซต์คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ของธุรกิจผ่านการค้นหาด้วย Google ไม่เจอ เพราะต้องการแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ทำให้เกิดความไม่พอใจตามมาได้ หรือบนเว็บไซต์ขนาดใหญ่ อย่างเว็บไซต์ E-Commerce หากไม่มี Sitemap ที่ดีก็อาจทำให้หน้าบางหน้าไม่ได้ถูก Index และพลาดโอกาสในการขายสินค้าไปได้ เป็นต้น
ลองนึกภาพว่าคุณตั้งใจทำสินค้าขึ้นมาอย่างดี แต่กลับไม่มีคนซื้อเพราะเว็บไซต์เข้าถึงยากและค้นหาไม่เจอจากหน้า Google จะทำให้ธุรกิจขาดทุนไปเท่าไหร่ ดังนั้น เว็บไซต์จึงเปรียบเสมือนบ้านหลักของธุรกิจที่ต้องสร้างให้มั่นคง น่าเชื่อถือ ง่ายต่อการค้นหา และสะดวกสบายกับลูกค้ามากที่สุด
เว็บไซต์ประเภทไหนที่ควรเริ่มทำ Sitemap ?
หากถามว่า เว็บไซต์ของธุรกิจประเภทไหนที่ควรเริ่มทำ sitemap website บอกได้เลยว่า “ทุกประเภท” ถ้าเริ่มเร็วยิ่งดี เพราะไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่สามารถได้ประโยชน์จากการสร้าง site map
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์องค์กรที่ต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์ E-Commerce ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการขาย เว็บข่าวสารบล็อกเพื่อมอบความรู้ ฯลฯ ทุกเว็บไซต์ควรมี Sitemap ทำหน้าที่เป็นแผนผังให้กับเว็บไซต์ทั้งนั้น หากคุณจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ WordPress ยิ่งง่ายเนื่องจากคุณสามารถบอกให้เขาติดตั้งให้ได้เลย
โดยเหตุผลที่เว็บแต่ละเว็บควรมี Sitemap สามารถแยกออกมาได้เป็นข้อๆ ดังนี้
- เว็บไซต์ขนาดใหญ่ เช่น เว็บไซต์ขององค์กรขนาดใหญ่ เว็บไซต์ที่มีหน้าเพจเยอะๆ ฯลฯ การมี Sitemap จะช่วยให้การจัดระเบียบข้อมูลบนเว็บทำได้ง่ายขึ้น และช่วยให้(Search Engines เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับของ SEO
- เว็บไซต์ขนาดเล็กหรือเว็บที่ทำการสร้างขึ้นใหม่ที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน การมี Sitemap ก็จะช่วยในการปั้นเว็บไซต์ให้ติด SEO ได้ดีขึ้นจากการที่ Google Bot สามารถเข้าถึงและทำการจัดทำดัชนี (Indexing) เนื้อหาใหม่ ๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิม เพราะมี SItemap นำทาง ทำให้อันดับ SEO ดีขึ้นตามไปด้วย
- เว็บไซต์ที่มีการอัปเดตเนื้อหาบ่อย เช่น เว็บไซต์ข่าว, บล็อก, หรือเว็บไซต์ที่มีบทความที่อัปเดตเป็นประจำ การมี Sitemap ช่วยให้ Google รู้ว่าเนื้อหาไหนเป็นเนื้อหาใหม่หรือต้องอัปเดต ช่วยให้เนื้อหาใหม่ได้รับการ Index ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- เว็บไซต์อีเวนต์หรือจำหน่ายตั๋ว ที่ต้องโปรโมตข้อมูล จัดประเภทงานหรือการแสดงให้เข้าถึงง่าย สะดวกต่อผู้เข้าชม การวาง website sitemap ให้เป็นหมวดหมู่จะยิ่งช่วยใช้เว็บไซต์ประเภทนี้ถูกค้นหาได้รวดเร็ว
คำถามที่พบบ่อย
Sitemap ช่วย SEO ด้วยการทำให้ Search Engine สามารถรวบรวมข้อมูล (crawl) และจัดทำดัชนี (index) หน้าเว็บทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการปรากฏในผลการค้นหา
XML Sitemap คือไฟล์ในรูปแบบ XML ที่ออกแบบมาสำหรับ Search Engine โดยเฉพาะ เพื่อบอกให้ทราบถึง URL ทั้งหมดบนเว็บไซต์ รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ความถี่ในการอัปเดต และความสำคัญของแต่ละหน้าเว็บ
HTML Sitemap คือหน้าที่แสดงรายการลิงก์ทั้งหมดบนเว็บไซต์ ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นและคลิกได้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และช่วยในการนำทางครับ
Sitemap ทำเพื่อบอก Search Engine ว่า “ควร” รวบรวมข้อมูลหน้าไหนบ้าง ในขณะที่ Robots.txt บอก Search Engine ว่า “ไม่ควร” รวบรวมข้อมูลหน้าไหน เพื่อควบคุมการเข้าถึงและจัดทำดัชนี
ควรส่ง XML Sitemap ไปยัง Google ผ่าน Google Search Console เป็นอย่างยิ่งครับ เพื่อช่วยให้ Google ค้นพบและจัดทำดัชนีหน้าเว็บใหม่หรือที่แก้ไขได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สรุปแล้ว Sitemap ส่งผลอย่างไรต่อการทำ SEO ?
Sitemap เป็นองค์ประกอบสำคัญมากที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ให้ทำอันดับได้ดีโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในยุคที่ Google และ Search Engine อื่นๆ พัฒนา Crawler (Google Bot) และ Algorithm ให้มีความสามารถในการสำรวจและวิเคราะห์เว็บไซต์ได้อย่างละเอียดมากขึ้น
ดังนั้น การออกแบบโครงสร้างเว็บให้ดี จึงเป็นส่วนที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของ SEO โดย sitemap example ที่ยกตัวอย่างไม่ว่าจะเป็น HTML Sitemap XML Sitemap ล้วนช่วยให้ Google Bot เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทางที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีเส้นทางหรือเนื้อหาสำคัญอยู่ที่ไหนจะได้รวบรวมกลับมาจัดอันดับได้โดยไม่หลงทาง
อย่างที่บอกว่า Sitemap จะเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ให้หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการก้าวสู่อันดับต้นๆ ของการค้นหาบน SERPs ทำให้หน้าสำคัญในเว็บไซต์ถูกพบเห็นก่อน นอกจากนี้การวาง Sitemap ที่ครบถ้วนและเป็นระเบียบจะมีส่วนช่วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงหรืออัปเดตเว็บไซต์ได้ไวขึ้น ถึงแม้ว่าบางเว็บไซต์จะมีจำนวนหน้ามากมายและมีความซับซ้อนสูงแต่ก็ยังทำอันดับในหน้าต่างๆ ได้ดีอยู่จากการมี Sitemap คอยนำทาง